วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568
13 ธ.ค. 2568 05:32 | 89 view
@pracha
‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ขอไทยหยุดยิง กลับสู่ Joint Declaration ร่วมไทย-กัมพูชา ด้าน ‘อนุทิน’ ตอบกลับให้เคลียร์กัมพูชา เพราะเป็นฝ่ายละเมิดปฏิญญา ยืนยัน ยังให้ทหารไทยเดินหน้าปกป้องอธิบไตยต่อ บอกไม่ได้จบตอนไหน ชี้ เป็นเรื่องการรบ เชื่อ ‘ประธานาธิบดีสหรัฐ’ คุยกัมพูชามาก่อนแล้ว แต่ได้ข้อมูลผิดๆ ขณะที่ ‘สีหศักดิ์’ ทิ้งท้ายปริศนาหยุดยิงเป็นกลยุทธ์
วานนี้เวลา 22.05 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทําเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังได้หารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เวลา 21.26 น. ซึ่งใช้เวลาพูดคุยกันเป็นเวลาเกือบ 20 นาที ว่าได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ร่วมด้วย
ซึ่งการพูดคุยเป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดี ประธานาธิบดีสหรัฐ มีความเป็นห่วงในสถานการณ์อยากจะให้ทุกอย่างกลับไปยังจุดที่เคยเป็น คือ Joint Declaration (ปฏิญญาร่วม) ที่เคยเซ็นที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนยืนยันกับประธานาธิบดีสหรัฐว่าประเทศไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตลอด ไม่เคยออกนอกเงื่อนไขเลยแม้แต่น้อย แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิด ถ้าเป็นการละเมิดด้วยการปฎิบัติ เช่น การไม่ถอยกําลังออกไป ไม่ทําให้เกิดการสูญเสียชีวิต เราก็จะต้องมาพูดคุยกันให้เขาปฏิบัติ แต่ถ้าเกิดการละเมิดโดยที่ทําให้ฝ่ายไทยมีการสูญเสียอวัยวะ ชีวิต และทรัพย์สิน ประเทศไทยก็มีความจําเป็นที่จะต้องตอบโต้เพื่อป้องกันอธิปไตย ทรัพย์สิน และสุดท้ายที่เราต้องดําเนินการสูงสุดคือการป้องกันชีวิตประชาชนของเรา นี่คือเหตุที่ต้องอธิบายประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่เช่นนั้นท่านจะเข้าใจว่าเราเป็นฝ่ายจู่โจมรุกรานกัมพูชา ซึ่งไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่เราตอบโต้ซึ่งบางครั้งต้องทําให้เขาได้ยินว่าอย่ามาทําแบบนี้กับเรา เราไม่ใช่ประเทศที่คุณอยากจะทําอะไรคุณก็มาทําได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าคนที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาอย่างเรากับกัมพูชา ถ้าเกิดใครพูดกับใครเขาก็คงใช้ข้อมูลฝ่ายเดียวไม่ได้ ดังนั้น เขาก็ต้องมาฟังข้อมูลจากฝ่ายไทยซึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกกระทําก่อน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้บอกกับสหรัฐฯหรือไม่ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องของประเทศไทย ทําไมจะต้องเอาเรื่องการเลือกตั้งมาเกี่ยวข้องกับการปกป้องอธิปไตยหรือการป้องกันประเทศ ตอนนี้ต้องพูดถึงว่าทําอย่างไรที่จะไม่ทําให้ทหารหรือประชาชนต้องได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการรุกรานยิงจรวดยิงระเบิดยิงกระสุนเข้ามามาจากฝั่งกัมพูชา เรื่องการเมืองหรือเรื่องเลือกตั้งไม่มีความสําคัญกับตนเลยแม้แต่น้อย เท่ากับชีวิตคนคนหนึ่งที่อยู่ตามแนวชายแดนที่เป็นคนไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐได้ฟังแล้วมีคําพูดอะไรกลับมาบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ท่านบอกว่าท่านเข้าใจ ถ้ามีเรื่องแบบนี้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อสายตรงถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ตลอดเวลา และท่านก็บอกว่าถ้ามีอะไรให้ตนโทรหาท่านได้ตลอดเวลาเช่นกัน เพียงแต่ท่านยังไม่บอกเบอร์ตน ซึ่งตนก็เรียนกับท่านว่าคงยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะคิดว่าประเทศไทยรับมือต่อสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็มีการพูดคุยกับทางสหรัฐหลายระดับเป็นประจําอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า วันนี้สหรัฐยังไม่ได้กดดันให้เราหยุดยิงใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐก็อยากให้หยุดยิง ซึ่งตนได้บอกไปว่าขอให้ไปบอกเพื่อนเราดีกว่า ว่าอย่าบอกว่าหยุดยิงเฉยๆ แต่ต้องบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง จะถอนกําลังออกไป จะเก็บกู้วัตถุระเบิดที่วางเอาไว้ออกไปให้หมด และจะทําให้เห็น ถ้าเป็นแบบนั้น ประเทศไทยอยู่เฉยๆ ไม่เคยอยากจะเข้าไปได้อะไรของเขาอยู่แล้ว แต่เขาต้องหยุดทุกอย่างก่อน นี่เป็นสิ่งที่กองทัพได้รายงานกับตนมาตลอด ว่ามันจะถึงจุดนี้เมื่อวันที่เราเก็บกู้ระเบิดภายใต้ Joint Declaration ไปถึงจุดที่เราจะเจอเยอะมากแล้วเขาจะไม่ยอมให้เราเข้าไป เราได้เก็บมา 2-3 สัปดาห์ โดยมี ASEAN Observer Team (AOT) เป็นสักขีพยานของนานาชาติจากอาเซียนมาร่วมกับเรา และวัตถุระเบิดที่เราไปเก็บกู้มาหรือระเบิดที่ทําให้ทหารเราบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นระเบิดใหม่เพิ่งวาง ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดสัญญา ดังนั้น คนที่ละเมิดสัญญาต้องแก้ไข ไม่ใช่คนที่ถูกกระทํามาแก้ไข เป็นหลักสากลที่ทุกคนต้องเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก็จะมองว่าพื้นที่ที่เขายึดอยู่เป็นพื้นที่ของกัมพูชาและจะไม่ยอมถอยออกไป นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นของฝ่ายกัมพูชา แต่ภายใต้ Joint Declaration มีการระบุว่า ต้องร่วมกันปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เป็นอันตรายด้วยหลักมนุษยธรรม
จากนั้น นายสีหศักดิ์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่กัมพูชากล่าวอ้างว่าเป็นพื้นที่ของเขาจะต้องมีการปฏิบัติการร่วมกัน
เมื่อถามต่อถึงพื้นที่ตาควายที่ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมถอย นายอนุทินระบุว่า ในรายละเอียดเป้าหมายของกองทัพเป็นอย่างไรตนไม่สามารถแทรกแซงได้ เพราะกองทัพมีแผนดําเนินการ และมีการแถลงให้ประชาชนรับทราบอยู่ทุกวัน ฉะนั้น พวกเราทั้งสามคนมีหน้าที่ดูเรื่องของนโยบาย เพื่อที่จะทําให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ และประเทศได้ประโยชน์
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ําว่า ไม่ใช่ว่าจะรบลูกเดียวไม่มีใครรบ และไม่มีใครอยากเห็นคนเสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ แต่อธิปไตย และดินแดนของไทย หากตนยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่จะไม่ยอมให้ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ยอมให้ถูกละเมิด ไม่ยอมให้ถูกลอบยิง เพราะฝ่ายบริหารประเทศมีความขัดแย้งกัน แต่ประชาชนไม่รู้เรื่องอะไร เรื่องนี้ตนก็ยอมไม่ได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนว่าในพื้นที่ทหารก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องกรอบระยะเวลาการสู้รบนั้น เราไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจะทําอะไร ทุกคนก็ต้องดําเนินการ แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือภายใต้กฎหมายไทยหรือกฎหมายสากล จะไม่มีการละเมิดจากฝ่ายไทยอย่างแน่นอน และสิ่งที่ฝ่ายไทยสามารถพูดกับผู้นําต่างประเทศได้ ก็เพราะเราไม่เคยละเมิดสัญญาที่เราเคยลงนามไว้ และไม่เคยรุกรานดินแดนของเพื่อนบ้าน

เมื่อถามย้ําว่า ฝ่ายไทยยังพอมีเวลาในการยึดพื้นที่คืนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ตนได้หารือกับกองทัพ และกระทรวงกลาโหม ซึ่งทุกท่านมีความมั่นใจ และต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าจะสนับสนุนซึ่งกันและกันและมีเป้าหมายเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ บอกหรือไม่ว่าจะไปคุยกับกัมพูชาวันไหน นายกฯกล่าวว่า ในการคุย ตนได้บอกเขาว่าขอให้ไปบอกฝั่งโน้น เพราะเป็นผู้ละเมิดสัญญา
เมื่อถามว่า ดูเหมือนกัมพูชาพร้อมหยุดยิง แต่ถ้าเราหยุดยิงในตอนนี้ ในขณะที่การสู้รบยังเผด็จศึกไม่จบยังมีเวลาอีกกี่วัน นายอนุทินกล่าวว่า คําว่าสําเร็จหมายความว่าอย่างไร จะต้องมายิงคนอีกกี่คนนั้นไม่ได้ และตอนนี้เขาก็ยังไม่หยุดยิง
ขณะที่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ถือว่าการหยุดยิงเป็นกลยุทธ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าทําไมนายโดนัลด์ ทรัมป์ เลือกที่จะคุยกับฝ่ายไทยก่อน นายกฯกล่าวว่า ตนคิดว่าเขาได้คุยกับทางกัมพูชามาก่อนแล้ว เพราะดูท่าทางแล้วไม่ได้คุยกับฝ่ายไทยก่อน ซึ่งได้ข้อมูลผิดๆ มาว่า เราเป็นคนรุกราน ซึ่งเราใช้กองกําลังทางอากาศก็ดูเหมือนว่า เราเป็นฝ่ายรุกราน เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ค้าน ซึ่งเราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานแต่เป็นการตอบโต้
เมื่อถามว่า บรรยากาศการคุยท่าทีของสหรัฐเชื่อเราหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศอธิปไตย เขาต้องเชื่อเรา ผมไม่ได้พูดในฐานะนายอนุทิน แต่พูดในฐานะรัฐบาลไทย คําพูดของรัฐบาลไทยต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากนานาชาติ ไม่เช่นนั้นเราจะยืนอยู่บนแผนที่โลกไม่ได้”
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 11:24 55 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 11:19 45 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 11:16 58 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 11:08 63 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 10:55 65 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 10:42 68 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 10:33 78 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 05:44 69 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 05:32 90 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 05:26 82 views
ข่าว
12 ธ.ค. 2568 16:39 188 views
ข่าว
12 ธ.ค. 2568 16:38 163 views
ข่าว
12 ธ.ค. 2568 16:19 165 views
ข่าว
12 ธ.ค. 2568 16:01 195 views
ข่าว
12 ธ.ค. 2568 15:56 203 views
ข่าว
12 ธ.ค. 2568 15:08 219 views