วันที่ 14 ธันวาคม 2568
14 ธ.ค. 2568 10:44 | 113 view
@pracha
‘ธนาธร‘ เชื่อหาก ‘พิธา‘ เป็นนายกฯ สถานการณ์ชายแดนจะไม่มาถึงจุดนี้ บทเรียนสําคัญเลือกตั้งหน้า ปชน.ต้องได้ 250 เสียง ลั่นทําไม่เป็น เล่นการเมืองแบบหักหลัง เชื่อไม่ทําให้ถึงเส้นชัย
วานนี้ 13 ธันวาคม ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในกิจกรรม “ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจขอไปต่อด้วยกัน” โดยระบุถึงปัญหาสันติภาพว่า ตนเองเห็นด้วยว่าที่ผ่านมาเราทําไม่ดีพอที่จะหยุดยั้งสถานการณ์ไม่ให้มาถึงจุดนี้ เชื่อว่า ไม่มีใครกระหายเลือด กระหายสงคราม พวกเราต้องการสันติภาพ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหากวันนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์จะไม่มาถึงจุดนี้เด็ดขาด เชื่อว่าหากพวกเราเป็นรัฐบาลตั้งแต่วันนั้น เครื่องมือต่าง ๆ จะถูกนํามาใช้ยับยั้งสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือทางการค้า เครื่องมือทางการทูต เครื่องมือเครื่องมือการต่างประเทศ จะถูกนํามาใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และสถานการณ์จะไม่มาสู่จุดนี้ที่ประชาชนต้องเดือดร้อน

ส่วนการฉีกสัญญา วันนั้นเราเผชิญสถานการณ์ที่ยากลําบาก เราตั้งโจทย์ทิ้งไว้ตั้งแต่กลางปีคือ เงื่อนไข MOA เมื่อสถานการณ์มาถึง เราจําเป็นจะต้องตัดสินใจ เราตัดสินใจเสี่ยง ทําอย่างเปิดเผย ข้อเสนอเราเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่เราทําไม่สําเร็จ เราล้มเหลว เราคิดว่าเป็นสปิริต และที่ชอบมากไม่เคยมีเวทีไหนที่ผู้นําของพวกเราทั้ง 4 คนจะมาอยู่ด้วยกัน เป็นเวทีแรกเพื่อมาบอกว่าถ้าเราทําเราพลาดไปแล้ว ไม่ขอโทษอิด ๆ ออด ๆ ขอโทษอย่างยืดอกตรงไปตรงมาเหมือนตอนที่เราทํา MOA
“ว่านี่คือสปิริตของทุกคน เรามาบอกประชาชนอย่างตรงไปตรงมาที่เราทํา เราทําอย่างสง่าผ่าเผย วันที่เราทําไม่สําเร็จเราก็มาบอกกับประชาชนอย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีอะไรต้องแอบ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการที่เรามายืนต่อหน้าพวกท่านเพื่อแสดงความรับผิดชอบ พวกท่านจะไม่ทอดทิ้ง ไม่หยุดสนับสนุนพวกเรา”

นายธนาธร กล่าวว่าบทเรียนที่ผ่านมา หากบอกว่าเราต้องทําการเมืองแบบอื่น ทําให้เราเดินไปไหนพื้นดินเป็นทางเพราะเขี้ยวลากดิน ถ้าทําให้เราต้องหักหลังเป็น หลอกลวงเป็น กลับกลอกเป็นมีกลเกม มีดีลแบบลับ ๆ เปิดเผยกับประชาชนไม่ได้ บทเรียนบอกให้เราทําแบบนั้น ตนเองไม่ทํา ตนเองทําไม่เป็น หากต้องการเมืองแบบนั้นไม่ทําดีกว่า ไม่เชื่อว่าการทํางานการเมืองแบบนั้นจะทําให้เราถึงเส้นชัย เพราะเราไม่มีอํานาจอื่นที่จะไปบังคับผลการเจรจา อํานาจเดียวที่เรามีในการบังคับผลการเจรจาหรือบังคับข้อตกลงคือ ประชาชน หากทําการเมืองแบบอื่นเราจะสูญเสียพวกคุณ ซึ่งท้ายที่สุดเราจะไม่มีอะไรเลย
ขณะที่บทเรียนที่สําคัญคือ เราไม่มีทางเลือกอื่น เราจะต้องเป็นพรรคเดียว 250 เสียงเท่านั้น ส่วนก้าวต่อไปของการแก้รัฐธรรมนูญและ Grand Compromise ปี 2548 เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมืองรอบนี้นําไปสู่การยุบสภาในเดือนกันยายน 2549 โดย 20 ปีที่ผ่านมา เรามี 10 นายกรัฐมนตรี 2 การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี 2562 และ 2566 ผลการจัดตั้งรัฐบาลไม่สอดคล้องกับการลงคะแนนเสียงของประชาชน เรามีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 3 ฉบับ คนที่เกิดในปี 2548 เรายังไม่เคยสัมผัสการเมืองที่ปกติ ไม่เคยได้สัมผัสการเมืองประชาธิปไตย 20 ปีที่ผ่านมาสังคมไทยยังหาคําตอบไม่ได้ว่าจุดสมดุลระหว่างอํานาจที่มาจากการเลือกตั้งกับอํานาจที่มาจากจารีตจะอยู่ร่วมกันอย่างไร

Grand Compromise จึงหมายความว่าจะหาทางออกให้กลับไปสู่การเมืองปกติไปข้างหน้า แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ํา ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและสันติภาพให้กับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างไร ดังนั้นจะต้องหาจุดร่วมให้ทุกฝ่ายไม่มีใครได้หมด แต่มีกติกาในการอยู่ร่วมกันในสังคมชุดหนึ่งที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้
นายธนาธร ยอมรับว่าบทเรียนครั้งนี้ไม่ง่ายเลยมันยากมาก บทเรียนบอกเราว่ามีแต่การทําให้ทั้งสองอํานาจเสมอกันเท่านั้นถึงจะนําไปสู่ Grand Compromise ได้ ต้องทําให้อํานาจจากการเลือกตั้งและอํานาจจากจารีตใกล้เคียงกันมากที่สุด
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 14:31 62 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:54 85 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:28 54 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:23 120 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:23 51 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 13:11 82 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 11:49 101 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 11:16 92 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 11:10 104 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 10:53 98 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 10:44 114 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 10:42 129 views
ข่าว
14 ธ.ค. 2568 10:38 114 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 16:29 271 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 16:08 510 views
ข่าว
13 ธ.ค. 2568 16:01 157 views