วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568
24 พ.ย. 2568 09:51 | 86 view
@pracha
อธิบดีดีเอสไอ สั่งกองคดีความมั่นคง สอบสวนขยายผลขบวนการช่วยอํานวยความสะดวกนักโทษจีนเทา จัดสาวบําเรอผู้ต้องขัง VIP สาวไส้ทั้งเครือข่าย เชื่อมีเงินหมุนเวียนมหาศาล ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบฯ คาดมีการอําพรางเส้นเงิน ใช้บัญชีม้า ขณะที่อดีต ผบ.เรือนจําฯ ชอบบินมาเก๊า จ่อไล่ดูไทม์ไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคําสั่งโยกย้ายนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 และพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อํานวยการนําทีมจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจู่โจมเข้าตรวจค้นเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร ต่อมากรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่าจากการเข้าจู่โจมและตรวจค้นดังกล่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทํา ความผิดในการควบคุมและปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง จึงได้ย้ายเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง รวม 15 ราย ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจําฯ เจ้าหน้าที่ผู้คุม และหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดน ไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรมราชทัณฑ์ ว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยมีนายไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมฯ เป็นประธานเจ้าหน้าที่กองทัณฑวิทยา เจ้าหน้าที่กองบริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มงานวินัยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น และเตรียมสอบสวนเจ้าหน้าที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
ทั้งนี้ สําหรับกรณีดังกล่าวเนื่องมาจากมีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายที่มีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจําฯ จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ต้องขังชาวไทย จึงมีผู้แจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ให้ทราบถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจําดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ได้นําคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปภายในเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมและดูพื้นที่เกิดเหตุจริง ก่อนจะมอบหมายให้ดีเอสไอ ตั้งเรื่องสืบสวนเพื่อเตรียมรับเป็นคดีพิเศษในฐานความผิดที่พบพยานหลักฐานอันมีลักษณะเข้าเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
ต่อมา พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้กองคดีความมั่นคง พิจารณาว่าเข้าลักษณะคดีพิเศษในกรณีใด ประกอบด้วย 3 ประเด็นสําคัญ ได้แก่ 1.พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหน อย่างไร มีใครเกี่ยวข้องโดยมีพยานหลักฐานใดยืนยันบ้าง 2.เจ้าหน้าที่รายใดเป็นตัวการ หรือช่วยเหลืออํานวยความสะดวก รวมทั้งขยายผลหากมีผู้มีอิทธิพลคนใดช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง และ 3.กลุ่มหรือเครือข่ายผู้ต้องขังชาวต่างชาติที่ซื้อบริการถูกดําเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องใด และพัวพันกับคดีข้ามชาติอื่นๆอีกหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่หมุนเวียนใช้ในการกระทํา ความผิดจํานวนมาก โดยจะวิเคราะห์จากเส้นทางการเงินเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงประกอบการสืบสวนต่อไป
ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุถึงแนวทางและวิธีการสอบสวนข้อเท็จจริง เรื่องการพบสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจํา ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 72 มาตรา 73 ว่าภายหลังเกิดเหตุฉาวขึ้น นอกเหนือจากกระบวนการของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วนั้น กรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เข้าไปจัดระเบียบภายในเรือนจํา ซึ่งจะต้องไม่มีสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจํา อาทิ มีด บุหรี่ซอง เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ แอร์เคลื่อนที่ ฯลฯภายในเรือนจํา
สําหรับการจู่โจมตรวจค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่ามีการตรวจค้นถึง3 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษตรวจค้นจู่โจมครั้งแรก จะไม่มีเจ้าหน้าที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่เป็นการขอรับการสนับสนุนจากเรือนจําข้างเคียง และเรือนจําอื่นจากจังหวัดต่างๆ อีกทั้งวันที่ 20 พฤศจิกายน ได้มีการตรวจค้นอีก2 ครั้ง ซึ่งสิ่งสําคัญคือการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุทั้งหมดนําส่งให้ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสําหรับแดนขังภายในเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครที่มีผู้ต้องขังจีนเทาอยู่นั้น จะมีด้วยกัน 3 แดน คือแดน 2 , 4 และ 8 แต่แดน 8 คือแดนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่ด้านในสุด มีผู้ต้องขังกว่า 900 คน ทั้งยังอยู่ติดกับแดนสูทกรรม ที่จะมีผู้ต้องขังตื่นมาทํากับข้าวแต่เช้า อีกส่วนหนึ่งคือโรงงานช่างไม้ ซึ่งหมดสภาพความเป็นโรงงานไปแล้ว จึงอาจถูกใช้เป็นที่ซ่องสุมกันของผู้ต้องขังจีนเทา ซึ่งชุดตรวจค้นจะตรวจค้นแดน 8 (ล้างคุก) อย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีของต้องห้ามบางอย่างที่ผู้ต้องขังจีนเทาฝังไว้แล้วนํามาใช้ทําร้ายเจ้าหน้าที่ และจะนํากุญแจไปปิดห้ามเข้าใช้งาน
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุอีกว่า นอกจากเรื่องตรวจค้นจู่โจมแดน 8 ภายในเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครแล้วนั้น ยังต้องรวบรวมข้อมูลจากคําบอกเล่าของผู้ต้องขังอื่นๆในแดน 8 และแดนใกล้เคียงด้วยว่าตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมขังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้คุมมีการปฏิบัติหน้าที่อย่าง ไร ให้อภิสิทธิ์ผู้ต้องขังจีนเทาอย่างไรบ้าง หรือผู้ต้องขังรู้สึกไม่ได้รับความเท่าเทียมจากพฤติกรรมการปฏิบัติของผู้คุมและหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดนอย่างไร เนื่องด้วยจากการตรวจค้นจู่โจมพบว่ามีซองบุหรี่ยี่ห้อของคนจีนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องขยายผลต่อว่าใครเป็นคนจัดหามาให้หรือใครเป็นคนสั่งซื้อหรือเจ้าหน้าที่จัดหามาให้เองแล้วนําเข้าไปให้ผู้ต้องขังจีนเทา หรือมีเอเย่นต์จัดหามาให้เจ้าหน้าที่เรือนจําเพื่อนําเข้าไปให้ผู้ต้องขังจีนเทาหรือผู้ต้องขังสั่งเจ้าหน้าที่ให้นําเข้าไปให้
“เรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเล็กน้อย เพราะต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ล้วนใช้บัญชีม้า (บัญชีบุคคลอื่น) หรือใช้นอมินีในการรับเงินแทน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพฤติกรรมส่วนตัวของ ผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ที่ชื่นชอบเดินทางไปมาเก๊านั้น สามารถใช้ตรวจสอบคู่ขนานกับข้อมูลเรื่องห้องลับใต้บันไดและเรื่องทุจริตได้เพราะถ้าหากเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันมีแนวโน้มที่หัวใจสําคัญของการตรวจสอบจะไปอยู่ที่เรื่องการรับเงินเพื่อนําไปใช้เล่นการพนันหรือไม่” คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุ
นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบว่า แรงจูงใจของการไปมาเก๊าคืออะไร อีกทั้งที่มาที่ไปของห้องใต้บันไดดังกล่าว มีการปรับปรุงสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร และเกิดขึ้นในสมัย ผบ.เรือนจําฯ รายนี้หรือไม่ หรือเกิดขึ้นก่อนเข้ารับตําแหน่ง เพราะหากมีการปรับปรุงในยุคของ ผบ.รายนี้จริง ก็จะต้องขยายผลต่อว่าใช้เงินแหล่งใดมาปรับปรุงห้องดังกล่าว เพราะเงินที่จะใช้จะมีแค่งบประมาณของกรมราชทัณฑ์ หรือเงินพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังของกองพัฒนาพฤตินิสัย(กพน.) ซึ่งถ้าไม่ใช่เงินจากทางราชการเช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะดูต่อไปว่าเป็นเงินจากผู้ต้องขังจีนเทาที่นํามาอุปถัมภ์หรือไม่
รายงานข่าวเปิดเผยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ประสานตํารวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของนายมานพ อดีตผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ที่มีกระแสข่าวว่าชื่นชอบเดินทางไปมาเก๊า คู่ขนานกับการตรวจเส้นทางการเงิน โดยมีประเด็นต้องสงสัยว่านอกจากไปเล่นพนันหรือไม่ อาจเป็นสถานที่รับมอบเงินจากกลุ่มเส้นเทาเพื่อหลบเลี่ยงเส้นเงินและยังพบว่ากลุ่มจีนเทาได้มอบรถหรูให้นายมานพ อดีตผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ใช้งานตลอดช่วงดํารงตําแหน่งด้วย
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องขังจีนเทา 2 คน ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ต้องขังจีนนั้น ราชทัณฑ์ได้ย้ายไปคุมขังที่เรือนจํากลางคลองเปรม เนื่องด้วยยังเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีของศาล โดยให้ทั้งคู่จะถูกแยกแดนในการคุมขัง
ด้านนายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รักษาการ ผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีมีข่าวพบภาพ “บอสกันต์” หรือนายกันต์ กันตถาวร ในกล้องวงจรปิดเหตุเจ้าหน้าที่เรือนจําเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังกลุ่มจีนเทาและห้องลับในเรือนจําว่าเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลดังกล่าวในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นรักษาการ ผบ.เรือนจําฯ เพื่อเข้าจัดระเบียบให้เกิดความเรียบร้อย จะไปสอบถามข้อเท็จจริงกับนายกันต์ ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่แดน 1 เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมข้อมูลไปให้กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีข้อมูลใดที่สื่อเปิดประเด็น เราก็จะตรวจสอบให้กระจ่างที่สุด
ส่วนในปฏิบัติการจู่โจมค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบด้วย 3 ทีม ได้แก่ทีมเทคนิค ทีมตรวจค้น และทีมสอบปากคําเบื้องต้น เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดทีมเทคนิคนําไปตรวจสอบเพิ่มบางส่วนถูกลบและได้กู้กลับมา จึงต้องรอผลการสอบสวนให้รอบด้าน
รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ ระบุว่าวงจรปิดที่รวบรวมมาตรวจสอบทั้งหมดมีการบันทึกภาพผู้เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ในแต่ละวัน เบื้องต้นจะตรวจดูภาพในวันที่ 16 พฤศจิกายน ตั้งแต่ก่อนเวลา09.00 น.ถึงช่วงเวลาจู่โจม 10.30 น.ซึ่งช่วงดังกล่าวไม่ปรากฏภาพบอสกันต์ ส่วนจะมีภาพบอสกันต์โผล่มาในวงจรปิดที่จุดไหน วันใดบ้างยังต้องรอการตรวจสอบ
สําหรับผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายที่พบพร้อมกับหญิงสาวชาวจีน ในขณะจู่โจมตรวจค้นนั้น ได้ถูกย้ายไปขังที่เรือนจําเขาบิน ซึ่งเป็นเรือนจําความมั่นคงสูง หรือซูเปอร์แม็กซ์ โดยหนึ่งคนเป็นผู้ต้องขังระหว่างรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และอีกคนเป็นผู้ต้องคดีปลอมแปลงเอกสารราชการ หรือปลอมบัตรประชาชน
ส่วนคําสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังจีนเทา มีทั้งหมด20ราย ที่ถูกย้ายออกจากเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ คือนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ รวมถึง ผอ.ส่วน และผบ.แดน ได้แก่ ผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขังย้ายไปเรือนจําจังหวัดตราด ผอ.ส่วนสวัสดิการ ย้ายไปเรือนจําอําเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผอ.ส่วนยุทธศาสตร์ ไปเรือนจําจังหวัดชัยนาท ผบ.แดน 8 ไปเรือนจํากลางนครปฐม ผบ.แดน 6 ไปเรือนจํากลางชลบุรี ผบ.แดน 4 ไปเรือนจําจังหวัดสระแก้ว ส่วนที่เหลืออีก 13 คนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับชํานาญการซึ่งเป็นทีมหน้าห้องคนสนิทของนายมานพ และเจ้าหน้าที่ในแดน 2,4,6 และ 8 ซึ่งเป็นแดนขังผู้ต้องขังจีนเทา โดยคําสั่งดังกล่าวให้มีผลจนกว่าการสอบสวนจะได้ผลเป็นที่สุด
ข่าว
24 พ.ย. 2568 10:35 28 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 10:22 8 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 10:09 39 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 10:04 51 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 09:51 87 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 09:46 58 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 09:41 69 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 09:41 43 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 09:26 39 views
ข่าว
24 พ.ย. 2568 09:08 85 views
ข่าว
23 พ.ย. 2568 19:20 155 views
ข่าว
23 พ.ย. 2568 18:17 143 views
ข่าว
23 พ.ย. 2568 16:27 137 views
ข่าว
23 พ.ย. 2568 13:12 125 views
ข่าว
23 พ.ย. 2568 12:10 606 views
ข่าว
23 พ.ย. 2568 12:03 198 views