วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568
10 พ.ย. 2568 16:20 | 40 view
@ekapon
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ฟุตบอลชายทีมชาติไทย เดินทางมารายงานตัว เพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการแข่งขันฟุตบอล อุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ ที่จะพบกับ สิงคโปร์ และ การแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 5 ที่จะพบกับ ศรีลังกา
การรายงานตัวครั้งนี้นําโดย แอนโธนี ฮัดสัน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย พร้อมด้วย นักกีฬา โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น ซึ่งทาง ฮัดสัน ได้เรียก อิคลาส สันหรน และ ปรเมศย์ อาจวิไล มาแทนที่ อนันต์ ยอดสังวาลย์ และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่มีอาการบาดเจ็บ
หลังการประชุม “แอนโธนี ฮัดสัน” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า "เรามีเวลา แค่ 3 วันก่อนเจอกับ สิงคโปร์ และมีนักกีฬาหลายคนที่เพิ่งลงเล่นเกมเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เป้าหมายของวันแรก คือการให้ข้อมูลกับนักกีฬามากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน ก็อยากให้นักกีฬาฟื้นฟูร่างกายให้มีความสดมากที่สุด พรุ่งนี้น่าจะเป็นวันที่สําคัญมากในการฝึกซ้อม แผนการของเราคือการถ่ายทอดไอเดียสู่นักกีฬา ก่อนเกมเราก็เตรียมทีมตามปกติทั่วไป เราไม่ได้มองว่าการเจอกับ สิงคโปร์ เป็นแค่เกมกระชับมิตร เราจะมองว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีส่วนสําคัญที่ช่วยให้เราผ่านเข้ารอบสุดท้ายของเอเชียน คัพ การเตรียมตัวก็ต้องมีความดีพอใจ”
"อย่างที่ทราบเรามีเวลาเตรียมตัวกันน้อยมาก ทั้งทีมงานสตาฟ รวมถึงตัวผู้เล่น ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉุกละหุก ส่วนที่เรียกผู้เล่นใหม่มา ก็อยากเพิ่มจํานวนผู้เล่นตัวรุก นั่นคือเหตุผลที่มีแบ็คแค่ 3 คนในตอนแรก และเพิ่มจํานวนกองหน้ามากขึ้น เราก็มีนักเตะที่เล่นมิดฟิลด์และแบ็คซ้ายได้ในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในวันนี้ เคสแรกคือ อิคลาส ผมเองก็มีแผนว่าจะไม่ไปดึงตัวนักกีฬาจากทีม U23 แต่ด้วยการมีนักกีฬาถอนตัว จากอาการบาดเจ็บ เราก็เลยต้องเอามา ซึ่งอิคลาส ผมก็ได้ติดตามมาตั้งแต่ติดทีมชาติไทย U23 รวมถึงสโมสร มาหลายเดือนแล้ว โอเคหลายคนอาจจะตั้งคําถามว่ายังเด็กเกินไป แต่ผมก็คิดว่าเชื่อใจได้ และสร้างความตื่นเต้นได้ สิ่งสําคัญคือเรื่องคุณภาพ สปีดในการเล่น และทัศนคติในการพาบอลไปข้างหน้า"
"ส่วนในรายของอิคลาส ถ้าพูดตรงๆ ตัวน้องก็มีการแข่งขันกับต้นสังกัดอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกก็มีแผนจะเรียกในช่วงฟีฟ่า เดย์ หลังจากนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่เราต้องเพิ่มตัวรุกไป ก็เลยเรียกอิคลาสเข้ามาเป็นตัวเลือก"
"สําหรับ ชินภัทร์ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่มีนักฟุตบอลบางรายได้รับบาดเจ็บ การเรียกชินภัทร์ มาเป็นเพราะเขามีบรรยากาศฝึกซ้อม กับ สโมสรที่มีคุณภาพระดับประเทศ แน่นอนว่าทุกสัปดาห์ ชินภัทร์ ก็ต้องซ้อมภายใต้บรรยากาศนักฟุตบอล ความเข้มข้นที่อยู่ในระดับที่สูง และด้วยตัวผมที่เพิ่งเข้ามารับงาน ผมก็ต้องมองหานักเตะที่มีแคแรคเตอร์ที่เหมาะกับสไตล์ของผม ก็ได้ไปเจอกัชินภัทร์ ที่เข้าสเปค และการมาติดทีมชาติครั้งนี้ สามารถสร้างบรรยากาศการฝึกซ้อมได้ดีมาก"
"การเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อย่างเช่นนักฟุตบอลบางคน อย่างเช่นการเรียกตัวธีราทร รวมถึงเควิน เข้ามาในครั้งนี้ สําหรับเควิน มีสไตล์ที่เป็นแบ็คธรรมชาติ ที่เติมเกมรุกได้เป็นธรรมชาติและทําได้ค่อนข้างดี และมีสมดุลในเกมรุก และรับ รวมถึงการพาบอลไปในเขตโทษคู่ต่อสู้ การครอส รวมถึงหลายสิ่ง การเล่นเกมรุก เควินทําได้ดี นี่คือสาเหตุหลักที่ผมเลือกเขาเข้ามาร่วมทีม"
"สําหรับในเคสของปรเมศย์ ในช่วงแรกผมก็อยากที่จะเรียกตัวเขามาติดตั้งแต่แรกอยู๋แล้ว แต่ด้วยโอกาสการลงสนามของ ปรเมศย์ ค่อนข้างน้อย ก่อนหน้านี้ ก็คิดว่านักเตะอาจจะอยากโชว์ผลงานและหาโอกาสลงสนามกับต้นสังกัดมากขึ้น ที่ผ่านมาตัวปรเมศย์ ก็ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องกับต้นสังกัดอย่างต่อเนื่อง และผมเชื่อว่าปรเมศย์ ยังสามารถช่วยยกระดับทืมชาติไทยของเราได้ ซึ่งหลังจากที่ ธีรศิลป์ แดงดา ได้ถอนตัวไป ปรเมศย์ ก็เป็นคนสําคัญที่เราเรียกเขากลับมา"
"การแข่งขันฟุตบอลในโลกในทุกประเทศมีความท้าทายที่เหมือนกันหมด ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของไทย และไม่ใช่เรื่องผิดปกติ การเพิ่มโควตาต่างชาติของไทยลีก ทําให้สโมสรของไทยสู้ในระดับเอเชียได้ดีมากขึ้น ตัวผมก็ต้องพยายามปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของฟุตบอล เฟ้นหานักฟุตบอลไทยที่มีศักยภาพ และยกระดับทีมชาติไทยให้ดีขึ้น และสร้างบรรยากาศ การฝึกซ้อมให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ตัวผมเชื่อส่วนตัวว่าแม้จะมีการเพิ่มโควตาต่างชาติเยอะขึ้น แต่คุณภาพนักเตะไทย ผมเชื่อว่ามีศักยภาพมากพอที่จะช่วยให้สโมสรไทยประสบความสําเร็จ หน้าที่หลักของโค้ชที่จะไปพูดกับสโมสร หน้าที่ของผมคือเฟ้นหานักเตะที่มีศักยภาพมากที่สุด และยกระดับนักฟุตบอล"
"ผมอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เพราะเป็นความรับผิดชอบ ในการเตรียมแผน เตรียมทีมต่างๆ รวมถึงสภาพจิตใจเพื่อให้เอาชนะเกมเยือนในช่วงหลังจากนี้ให้ได้ ตามแผนการของเรา การเดินทางไปศรีลังกา เราจะพยายามปรับช่วงเวลาการซ้อมให้ตรงกับช่วงเวลาแข่งขัน แน่นอนว่านี่คือรอบคัดเลือกของเอเชียน คัพ ระยะเวลาไม่ใช่ข้ออ้างในการแข่งขัน ตัวผมก็มีการเตรียมแผนการซ้อม เพื่อปรับสภาพคุ้นชิน เป้าหมายหลักคือ ขึ้นนําก่อน และคอนโทรลเกมตลอด 90 นาทีในการเจอกับศรีลังกา ระยะเวลาไม่ใช่ประเด็นหลักหรือข้ออ้างที่จะพูดถึง"
"สําหรับฟุตบอล 7 สี ที่ผมได้มีโอกาสไปชมเกมติดขอบสนามก็ยอมรับว่าน่าทึ่งมาก ก็พยายามดูวัฒนธรรมและเบื้องหลังของทั้งสองสโมสร ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ก็มีเรื่องราวที่น่าประทับใจจากทั้งสองสโมสร ก่อนหน้านี้ ผมก็มีโอกาสได้ดูฟุตบอลกรมพลศึกษาเช่นกัน ในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนที่ผ่านมาก็มีแฟนบอลจํานวนมากที่เข้ามาเยอะ ด้วยความกระหายต่อเกมการแข่งขัน และทีมที่หลายคนเชียร์สูงมาก ไม่มีที่ไหนในโลกที่มีแฟนบอลมาชมเกมจํานวนมากขนาดนี้ อย่างฟุตบอล 7 สี ที่เพิ่งเกิดขึ้น นี่คือเหตุผลที่ผมรักประเทศไทย คนไทย รวมถึงแฟนบอลชาวไทย ถ้าคนเหล่านี้เชื่อมั่น หรือสนับสนุน อะไรบางอย่างก็พร้อมจะสนับสนุนนักกีฬาอย่างเต็มที่ ตัวผมก็ได้เอาเรื่องราวเหล่านี้ มาพูดกับนักกีฬาในการประชุม ว่าอย่างแรกเราต้องมีทัศนคติ และเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็ต้องพยายามเอาความเชื่อมั่นกลับมา ตัวผมเป็นชาวต่างชาติ ก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมไทย ในการสัมผัส มีส่วนร่วมกับประสบการณ์เหล่านี้"
ขณะที่ “อิคลาส สันหรน” ตัวรุกจากสโมสร พีที ประจวบ เอฟซี กล่าวว่า "ก็ตื่นเต้นครับไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เพิ่งรู้ข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะมีพี่เขาทักมา ตอนนี้ก็ยังไมได้มีโอกาสคุยกับโค้ช ผมก็ไม่แน่ใจว่าอะไรที่ทําให้ได้โอกาสมาในครั้งนี้ แต่ก็น่าจะเป็นการโชว์ฟอร์มกับสโมสร และได้โอกาสลงสนามต่อเนื่องและสามารถทําประตูได้ด้วย"
"ขอบคุณ นายกเกียร์ (ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์) และ โค้ชเตี้ย (สะสม พบประเสริฐ) ที่มอบโอกาสให้ผม และผมก็คว้าโอกาสมาได้ ฟอร์มของผมก็ยังไม่ได้ที่สุด ผมก็อยากพัฒนาไปเรื่อยๆ ผมก็อยากเก็บประสบการณ์จากรุ่นพี่ และเดือนหน้าก็มีซีเกมส์ ก็จะเก็บประสบการณ์จากทีมชาติชุดใหญ่ให้ได้มากที่สุด ผมภูมิใจที่เกิดมาจาก ฟุตบอล 7 สี เพราะรายการนี้ ก็ทําให้ผมมีชื่อเสียง และได้โอกาสมาเล่นในไทยลีก เป้าหมายของผมสองเกมนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะพยายามช่วยรุ่นพี่ให้ได้มากที่สุด กดดันที่ได้โอกาส เพราะไม่คิดว่าจะได้โอกาสเร็วขนาดนี้ ส่วนเรื่องตําแหน่งตัวผม ตอนแรก เล่นฝั่งขวา ในช่วงที่ค้าแข้งในไทยลีก 3 แต่พอมาไทยลีก 1 กับ ประจวบก็ได้เล่นฝั่งซ้าย ก็ฝึกตําแหน่งนี้มาตลอด ผมไม่ติดอะไรอยู่แล้ว ถ้าโค้ชให้ลงตรงไหนก็พร้อมเต็มที่ครับ"
สําหรับ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะมีโปรแกรมในช่วงฟีฟ่า เดย์ เดือนพฤศจิกายน 2568 โดยเริ่มต้นด้วยการ อุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ กับ ทีมชาติสิงคโปร์ ทีมอันดับ 155 ของโลก ที่ สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.30 น. ต่อด้วย บุกไปเยือน ทีมชาติศรีลังกา ทีมอันดับ 193 ของโลก ในการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี แมตช์เดย์ ที่ 5 ที่ โคลอมโบ เรซคอร์ส สเตเดียม, กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.15 น. ตามเวลาประเทศไทย

ข่าว
10 พ.ย. 2568 16:28 60 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 16:25 59 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 16:15 70 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 15:31 66 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 14:09 109 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 13:54 80 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 13:49 109 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:35 127 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:32 139 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:28 92 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:21 124 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:06 96 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 11:57 113 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 11:56 116 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 11:51 132 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 10:57 167 views