วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568
10 พ.ย. 2568 10:57 | 100 view
@yaovarest
สแกมเมอร์สะเทือน! นายกฯ นําทัพ ตร. ปราบอาชญากรรมไซเบอร์ วาระแห่งชาติ คืนเงินเหยื่อแล้วกว่า 300 ล้าน จับกุมกว่า 7,000 คดี รวบเครือข่าย ซิมผี บัญชีม้า พร้อมยกระดับ War Room สกัดกั้นภัยออนไลน์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงข่าว "รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์" (United Thailand Against Scammers) ณ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมีผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และผู้บริหารระดับสูงของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น "วาระแห่งชาติ" ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ส่งผลให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติยกระดับงานดังกล่าวเป็นภารกิจสําคัญเร่งด่วนที่ต้องดําเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีการระดมกําลังตํารวจทุกหน่วยงานเพื่อป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มข้นในทุกมิติ
ผลการปฏิบัติงานในช่วงระดมกวาดล้างล่าสุด ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม ถึง 8 พฤศจิกายน 2568 (รวม 13 วัน) มีผลการจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรวม 7,044 คดี ผู้ต้องหา 7,174 คน โดยแบ่งเป็น:
-จับกุมคดีองค์กรเครือข่ายสําคัญ 90 คดี ผู้ต้องหา 315 คน
-จับกุมคดี 14 ประเภทหลัก 2,580 คดี ผู้ต้องหา 2,432 คน
-จับกุมคดีซิมผี บัญชีม้า 795 คดี ผู้ต้องหา 759 คน
-จับกุมอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย (SIMBOX, False base station) 11 คดี ผู้ต้องหา 7 คน
-สํารวจเสาส่งสัญญาณและสายอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายบริเวณชายแดนกว่า 1,575 จุด และ 105 จุด ตามลําดับ เพื่อส่งข้อมูลให้ กสทช. ดําเนินการตามกฎหมาย รวมถึงตรวจสอบโกดังสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงส่งสินค้าไม่ตรงปก ซึ่งเป็นคดีที่มีผู้เสียหายมากที่สุด
-ติดตามคืนเงินให้กับผู้เสียหาย ภายใต้โครงการ "Money Cash Back" มีการติดตามเงินคืนแล้วรวม 234 ราย และจับกุมผู้ต้องหาได้ 224 คน โดยในงานแถลงข่าวมีผู้เสียหาย 31 ราย ได้รับเงินคืนรวม 14,604,248 บาท ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จนถึงปัจจุบัน สามารถคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้แล้ว 322 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 312,014,202.15 บาท
-สกัดกั้นคนไทยที่พยายามเดินทางไปร่วมขบวนการสแกมเมอร์ในต่างประเทศได้ 123 ครั้ง 201 คน และขยายผลเส้นทางการเงินต้องสงสัยจากศูนย์ War Room 128 ราย ผู้ต้องหา 133 คน
-ติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ--คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 965 คน ในช่วง 1-8 พฤศจิกายน 2568 และจับกุมคดีอื่นๆ เช่น การพนันออนไลน์ การจําหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ 3,083 คดี ผู้ต้องหา 3,103 คน
สํานักงานตํารวจแห่งชาติยังได้จับกุมผู้จัดให้มีการเล่นและผู้โฆษณาชักชวนการพนันออนไลน์ รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง โดยในช่วง 1-8 พฤศจิกายน 2568 จับกุมได้ 22 ราย ผู้ต้องหา 27 คน และภาพรวมตั้งแต่ 1 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายน 2568 จับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ 26 ราย ผู้ต้องหา 196 คน ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 41.7 ล้านบาท
ความร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่งผลให้มีการเสนอสั่งปิดกั้นเว็บไซต์และแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์และผิดกฎหมายอื่นๆ โดยในช่วง 1 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2568 มีการปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์รวม 38,394 URL และปิดแพลตฟอร์มผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook, YouTube, X, TikTok, Line) รวม 8,802 ครั้ง
การแถลงข่าวครั้งนี้แบ่งพื้นที่การนําเสนอออกเป็น 5 โซน ได้แก่ War Room, การคืนเงินผู้เสียหาย, ผลการป้องกันปราบปรามและความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน, การบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการทํางานของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ และการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน
War Room ได้ยกระดับการทํางานโดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ธนาคาร, ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์, ก.ล.ต., ปปง., กสทช. มาร่วมปฏิบัติงานประจําทุกวัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชน, ยับยั้งความเสียหาย, จับกุมคนร้าย และติดตามเงินคืนได้อย่างรวดเร็ว
โครงการ Money Cash Back เป็นผลจากการทํางานของ War Room ที่เมื่อพบธุรกรรมต้องสงสัย จะสั่งระงับและให้ชุดปฏิบัติการตํารวจเข้าตรวจสอบเพื่ออายัดเงินคืนให้กับผู้เสียหาย
นอกจากนี้ สํานักงานตํารวจแห่งชาติยังได้พัฒนาเครื่องมือ "เตือนภัยไซเบอร์" ได้แก่ แอปพลิเคชัน "Cyber Check" ที่ให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลต้องสงสัย (เบอร์โทร, เลขบัญชี, เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย) โดยมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 300,000 คน และ "Cyber Vaccine" ที่วิเคราะห์แผนประทุษกรรมใหม่ๆ และเผยแพร่ผ่าน Facebook เพจ "ตํารวจไซเบอร์" เพื่อเป็นศูนย์กลางการเตือนภัย
ความร่วมมือภายในประเทศประกอบด้วยภาคการเงิน (ธปท., สมาคมธนาคารไทย, สมาคมการค้าผู้ให้บริการชําระเงินฯ, TDO, Binance, True Money) และภาคโทรคมนาคม (AIS, TRUE/DTAC, 3BB) ส่วนความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกประเทศ ได้แก่ FBI, HSI, U.S. Secret Service, UNODC, Australian Federal Police, German Federal Criminal Police Office, Korean National Police Agency รวมถึงแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่าง LINE และ TIKTOK
นายกรัฐมนตรีและสํานักงานตํารวจแห่งชาติได้ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ตํารวจทุกคน ที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกําลังความสามารถ เพื่อปราบปรามและสกัดกั้นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ เพื่อความผาสุกและความปลอดภัยในสังคมออนไลน์ของประชาชน
สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานและประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานและแจ้งเบาะแส ซึ่งเป็นกําลังสําคัญในการต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ขอยืนยันว่าจะทํางานด้วยความโปร่งใส เข้มแข็ง และมุ่งมั่น เพื่อเป็นตํารวจมืออาชีพ สร้างความผาสุกและความปลอดภัยในสังคมออนไลน์ให้ทุกคน

ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:35 50 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:32 53 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:28 50 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:21 54 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 12:06 56 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 11:57 54 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 11:56 81 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 11:51 84 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 10:57 101 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 10:49 90 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 10:40 184 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 10:29 158 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 10:21 83 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 09:50 174 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 09:47 179 views
ข่าว
10 พ.ย. 2568 09:30 113 views