เหยื่อแฉถูกหลอกลงทุนโควต้าสลาก-สินค้าปลอดภาษี มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้าน เชื่อมีนักการเมืองเอี่ยว อ้างชื่อหัวหน้าพรรคสร้างความน่าเชื่อถือ

ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) น.ส.นลิน โรจนวัทธิกร เจ้าของเพจ “ห้วยแถลง” พร้อมกลุ่มผู้เสียหายกว่า 10 ราย เข้ายื่นร้องต่อ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทํางานของ กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กรณีดําเนินคดี “แก๊งนุ่น หวยทิพย์” ล่าช้า จนไม่สามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทันภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกําหนด

น.ส.นลิน เปิดเผยว่า กลุ่มผู้เสียหายกว่า 13 ราย ได้แจ้งความดําเนินคดี “น.ส.กัณภา ธิฌา ณัศฐ์” หรือ นุ่น หวยทิพย์ และพวก ตั้งแต่ปี 2567 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังถูกหลอกลงทุนในหลายรูปแบบ ทั้ง “โควตาสลากทิพย์”, “สินค้าปลอดภาษีอ้างชื่อคิง เพาเวอร์”, “ซื้อขายนาฬิกาแบรนด์เนม–รถหรู–อสังหาริมทรัพย์” รวมถึง “ฝากงานเข้าราชการ” มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หลังแจ้งความกับตํารวจไซเบอร์ คดีไม่คืบหน้า และไม่มีการเรียกผู้เสียหายมาสอบปากคําเพิ่มเติม จนหมดอายุฝากขังใน “ผัดที่ 7” ทําให้ไม่สามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาได้ทันเวลา ขณะที่ผู้เสียหายรายหนึ่งชื่อ นางลักษณ์ อายุ 51 ปี ซึ่งสูญเงินกว่า 173 ล้านบาท ต้องนําหลักฐานไปฟ้องศาลเอง และศาลได้ประทับรับฟ้องไว้ทัน ก่อนพิพากษาจําคุกผู้ต้องหา 3 ราย หนึ่งในนั้นคือ “นุ่น หวยทิพย์” ซึ่งภายหลังให้การรับสารภาพและเริ่มทยอยชําระหนี้บางส่วน

น.ส.นลิน กล่าวด้วยว่า ตนทราบมาว่า นุ่น มีญาติเป็นนักการเมืองพรรคหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี และมีสามีที่ทํางานอยู่ในพรรคการเมือง และสามีเคยแอบอ้างนักการเมืองมีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ที่เป็นหัวหน้าพรรคแห่งหนึ่งในภาคอีสาน แชทไปคุยกับผู้เสียหายเพื่อหลอกลวงอีกด้วย และตนยังทราบอีกว่า มีเส้นเงินที่ผู้เสียหายโอนเงินไปยังแก๊งของนุ่นและถูก โอนต่อไปยังบัญชีของหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคดังกล่าวอีกด้วย จึงทําให้รู้สึกเป็นกังวลว่าผู้ต้องหาอาจจะมีกลุ่มผู้มี อิทธิพลสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่

“เราเกรงว่าจะมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือให้คดีไม่คืบหน้า จึงมาร้อง ป.ป.ป. ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตํารวจไซเบอร์ ว่ามีการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตาม ม.157 หรือไม่  ” น.ส.นลิน กล่าว