พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก พร้อมด้วย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้นําคณะสื่อมวลชนสํานักข่าวต่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตุการณ์ความเสียหายจากการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ในจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยจุดแรกได้รับฟังบรรยายสรุปที่โรงพยาบาลพนมดงรัก ซึ่งในวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในช่วงเช้ามีข่าวเหตุปะทะด้วยปืนเล็กที่แนวชายแดนปราสาทตาเมือนธม จึงได้เริ่มเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลอื่นที่ปลอดภัย จํานวน 38 ราย จากนั้นได้ประะกาศแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินระดับ 2 บุคลากร ผู้ป่วยและญาติที่มารับบริการ ได้เข้าในหลุมหลบภัย ก่อนมีเสียระเบิดดังถึง 3 ครั้ง หลังเหตุการณ์ สํารวจพบว่ามีอาคารที่เสียหายถึงโครงสร้าง ต้องได้รับการสร้างใหม่เพื่อทดแทนจํานวน 2 หลัง นอกจากนี้ มีการประเมินภาวะสุขภาพจิต บุคลากรโรงพยาบาล จํานวน 151 คน พบมีปัญหาเครียดรุนแรง ต้องใช้ยาจํานวน 51 คน และเครียดปานกลาง จํานวน 100 คน
หลังจาก 2 สัปดาห์ได้มีการ ประเมินซ้ําพบว่ายังมีภาวะเครียดรุนแรง 11 คน ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยทีมจิตแพทย์โรงพยาบาลสุรินทร์ โดย พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจําประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของคณะ IOT ก็เพื่อมาดูข้อเท็จจริง นําไปรายงานผู้บังคับบัญชา และมายืนยันด้วยตาตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยไม่ได้มาเพื่อตัดสินว่าใครถูกหรือผิด แต่มาดูการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนทั้งสองฝ่าย

จากนั้นคณะผู้สังเกตการณ์ทั้ง 2 คณะ ได้เดินทางต่อไปยัง พื้นที่การเกษตร
บ้านโนนมะยาง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก เพื่อดูพื้นที่จริงที่มีการพบทุ่นระเบิด
รวมวัตถุระเบิดและกระสุนปืนจากฝ่ายกัมพูชาที่ตกในพื้นที่
โดยคณะได้รับฟังการบรรยายการเก็บกู้ทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึง
ดูการเก็บกู้-ทําลายวัตถุระเบิด เทียบทุ่นระเบิดเก่า-ใหม่
โดยในพื้นที่อําเภอพนมดงรัก พบการสํารวจทุ่นระเบิดจํานวน 264 ทุ่น
มีการเก็บกู้ทําลายแล้ว เหลือทุ่น ที่ยังไม่ได้ทําลายจํานวน 13 ทุ่น
ขณะที่วัตถุที่พบส่วนใหญ่เป็นกระสุน BM-21
ต่อมาคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT
ได้เดินทางไปดูการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม
ในการทําลายวัตถุระเบิด ที่มาตกในสวนยางพารา บ้านโนนมะยาง ต.ตาเมียง
อําเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
ด้านพล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ตอบคําถามสื่อต่างประเทศ
คาดว่าทุ่นระเบิดที่พบผลิตมาจากกลุ่มสหภาพโซเวียต แต่จากการผลิตช่วงปี 1989
และที่ทหารกัมพูชาอ้างว่าทหารไทยเดินเข้าไปเหยียบระเบิดเองในพื้นที่ของฝั่งกัมพูชานั้น
พล.ต.วินธัย ยืนยันว่า GPS ระบุพิกัดชัดว่า บริเวณตรงนั้นเป็นพื้นที่ของไทย รวมถึงที่ช่องอานม้าจุดที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดก็อยู่ลึกเข้ามาที่แนวชายแดนถึง
1 กิโลเมตร

จากนั้นคณะยังได้ไปดูช่องจุ๊บตาโมก เพื่อตรวจพื้นที่เกิดเหตุที่กําลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2610 เหยียบทุ่นระเบิด โดยในช่วงบรรยายสรุป พบว่าจุดที่กําลังพลเหยียบทุ่นระเบิด เป็นจุดที่กําลังพลลาดตระเวนในทุกวันฝั่งไทย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าทหารกัมพูชายังมีการยั่วยุทหารไทย และนําทุ่นระเบิดมาวางอยู่

ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อออนไลน์ว่า กองกําลังฝ่ายกัมพูชาได้ทําการยิงปืนใหญ่ใส่ฐานบริเวณปราสาทตาควายนั้น กองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยในพื้นที่แล้ว ยืนยันว่าข่าวดังกล่าว ไม่เป็นความจริง โดยเสียงระเบิดที่ประชาชนได้ยินนั้น สันนิษฐานว่าเกิดจากกรณีทหารกัมพูชาเหยียบกับระเบิด ซึ่งเป็นกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ลักลอบวางไว้เอง บริเวณด้านหลังปราสาทตาควาย

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกต่อกระแสข่าวลือที่เผยแพร่ในสื่อออนไลน์ และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากช่องทางอย่างเป็นทางการของกองทัพภาคที่ 2 เพื่อป้องกันการสับสนและความเข้าใจผิด

/// จบตัด ///