รัฐบาลเร่งเครื่อง ปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า หลังพบวัยรุ่นหญิงตกเป็นเหยื่อมากขึ้น หวั่นกระทบสุขภาพระยะยาว

จากรายงานของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ พบว่าแม้การรณรงค์ที่ผ่านมาจะส่งผลให้อัตราการสูบบุหรี่มวนในหญิงไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ากลับสร้างผลกระทบในทิศทางตรงกันข้าม โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า วัยรุ่นหญิงอายุ 13-15 ปี มีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึง 15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการสูบบุหรี่มวนถึง 10 เท่า และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงความกังวลของรัฐบาลต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า หากปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป จะส่งผลให้อัตราการสูบบุหรี่ในภาพรวมของกลุ่มผู้หญิงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว

สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่สูบบุหรี่ทุกรูปแบบ จะมีแนวโน้มเลิกได้ยากกว่าผู้ชาย และที่น่ากังวลกว่านั้นคือผลของการเสพติดที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทุกระบบในระยะยาว ซึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างของฮอร์โมนเพศหญิงและชาย จึงมีโอกาสที่จะเป็นโรคร้ายที่ระบบอวัยวะอื่นมากกว่าผู้ชาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ สารพิษในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น นิโคติน และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ จะถูกส่งผ่านทางรกไปยังทารกในครรภ์ ซึ่งจะทำให้เกิดความแปรปรวนในมดลูก และก่อให้เกิดผลร้ายหลายประการ เช่น การแท้งบุตร และการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งทารกที่คลอดก่อนกำหนดจะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เนื่องจากระบบอวัยวะยังทำงานไม่สมบูรณ์

มาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล ได้เร่งปราบปรามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด โดยดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดทุกราย , การสร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ,  สนับสนุนให้ประชาชนที่ต้องการเลิกบุหรี่เข้าถึงข้อมูลและบริการให้คำปรึกษาผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ Thailand Quitline และสายด่วน 1600 รวมถึง ติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างใกล้ชิด