สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานครยังน่าเป็นห่วง วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 พบ 26 พื้นที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเขต "ลาดกระบัง" มีค่าฝุ่นสูงสุด รองลงมาคือ หนองจอกและบางนา

วันนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2568) ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานผลการตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พบว่า เกินค่ามาตรฐานใน 26 พื้นที่ เกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนแล้ว

จากการตรวจวัดในช่วง 3 ชั่วโมงล่าสุด (05.00-07.00 น.) พบค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ระหว่าง 26.0-52.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 37.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงสุดคือ เขตลาดกระบัง วัดได้ 52.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือ เขตหนองจอก 51.7 มคก./ลบ.ม. และเขตบางนา 49.3 มคก./ลบ.ม.

ค่าฝุ่น PM2.5 ที่เกินมาตรฐานนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก ผู้สูงอายุ และหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา และส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครจึงขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 ได้แก่  สวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร , หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมากเป็นเวลานาน หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรรีบปรึกษาแพทย์

สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในระยะยาว กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ดี" ทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง แต่ในช่วงวันที่ 10-13 ก.พ. การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ "ไม่ดี-อ่อน" อาจทำให้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 กลับมาแย่ลงได้