วันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567
12 พ.ย. 2567 14:01 | 411 view
@pracha
‘กต.’อธิบายMOU 44 ชี้เป็นกรอบเจรจาอ้างสิทธิทับซ้อนไทย-เขมร ไม่กระทบ‘เกาะกูด’
12 พฤศจิกายน 2567 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีที่ยังคงมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง และมีการให้ข่าวสารเกี่ยวกับการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนระหว่าง ไทย-กัมพูชาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สังคมมีความสับสน ถึงการเรียกร้องให้มีการยกเลิก MOU44 ว่า MOU 44 มีที่มาจากการที่ไทย และกัมพูชาต่างไม่ยอมรับการอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทางทะเลที่แต่ละฝ่ายประกาศ ทำให้เกิดเป็นพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน ซึ่งตามกฎหมายระหว่างประเทศระบุให้ในกรณีเช่นนี้ประเทศที่อ้างสิทธิจะต้องเจรจาทำความตกลงเพื่อหาทางออกด้วยกัน
สาระสำคัญของ MOU44 นั้น คือการกำหนดกรอบและกลไกการเจรจา โดยให้ทั้งประเทศไทย และกัมพูชาต้องตั้งคณะกรรมการทางเทคนิค หรือ Joint Technical Committee: JTC ขึ้น เพื่อทำการเจรจาพร้อมกันไปใน 2 เรื่อง ทั้งเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล และการพัฒนาแหล่งพลังงาน โดยไม่สามารถแยกการเจรจาเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่กฎหมายระหว่างประเทศวางไว้ ทั้งนี้ การยกเลิก MOU 44 ก็ไม่ได้ทำให้เส้นอ้างสิทธิของฝ่ายกัมพูชาหายไปแต่อย่างใด
รมว.ต่างประเทศ อธิบายว่า MOU44 มีลักษณะเป็นข้อตกลงชั่วคราว หรือ Provisional Arrangement ซึ่งเป็นเพียงการตกลงของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะวางกรอบและกลไกการเจรจากันเท่านั้น พร้อมย้ำด้วยว่า การเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา จะไม่เกี่ยวกับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูดแต่อย่างใด เพราะเกาะกูดเป็นของไทยที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนั้น MOU44 มีมาตรการป้องกันที่รัดกุม หรือ Safeguard Clause ในข้อ 5 ที่ระบุเป็นเป็นเงื่อนไขบังคับว่า “จนกว่าจะได้มีการตกลงการแบ่งเขตทางทะเลให้แล้วเสร็จ MOU และการดำเนินการต่าง ๆ ตาม MOU นี้ จะไม่มีผลต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของแต่ละฝ่าย” ซึ่งเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า การเจรจาตามกรอบ MOU44 นี้ จะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อเขตอำนาจอธิปไตยทางทะเลของแต่ละฝ่าย จนกว่าจะสามารถตกลงกันได้ และมีการจัดทำความตกลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งร่วมกัน ซึ่งในกรณีนี้จะต้องนำเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบก่อนด้วย ซึ่งหมายถึงว่าความตกลงใดๆที่จะเกิดขึ้นนั้น จะต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวไทย ดังนั้นจึงแปลกใจต่อผู้ที่พยายามโยงเรื่องเกาะกูดเข้ากับการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนนี้
รมว.ต่างประเทศ ย้ำว่า ผลประโยชน์ของประเทศไทยในเรื่องนี้ มี 2 ประการ ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแลทั้ง 2 ด้าน ได้แก่ การแบ่งเขตทางทะเล และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการพัฒนาทรัพยากรด้านพลังงาน
“เกาะกูด เป็นของประเทศไทยแน่นอน เพราะตามหนังสือสนธิสัญญา ระหว่างกรุงสยามกับกรุงฝรั่งเศส ฉบับวันที่ 23 มีนาคม รศ.125 หรือ ค.ศ. 1907 บัญญัติชัดเจนว่า “เกาะกูด เป็นของไทย” ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเกาะกูดมาช้านานแล้ว และประเทศไทยได้ใช้อำนาจอธิปไตยเหนือเกาะกูดมาโดยตลอด มีประชาชนชาวไทยอยู่อาศัยมาเป็นเวลากว่า 100 ปี และกัมพูชาก็ยอมรับ และไม่เคยมีข้อโต้แย่งใด ๆ ในเรื่องนี้” นายมาริษ กล่าว
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 17:03 127 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 16:15 67 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 16:10 62 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 15:39 92 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 15:26 143 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 15:21 134 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 15:18 128 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 14:20 141 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 14:17 136 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 14:15 128 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 14:12 120 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 13:44 116 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 13:40 133 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 11:39 137 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 11:31 147 views
ข่าว
3 ธ.ค. 2567 10:31 324 views