ผบ.ทบ. แถลงนโยบายผู้บังคับหน่วยระดับกรม น้อมนำหลักราชการ 10 ประการ ในหลวง รัชกาลที่ 6 และพระราชปณิธาน รัชกาลที่ 10 ในการปฏิบัติงาน

วันนี้ (25 ต.ค. 2567) พ.อ.ฐิต์รัชช์ สมบัติศิริ รองเลขานุการกองทัพบก และโฆษกกองทัพบก ได้แถลงข่าวผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกวาระพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมีผู้บังคับหน่วยระดับผู้บัญชาการมณฑลทหารบก และผู้บังคับการกรมหรือเทียบเท่าเข้าร่วมประชุม โดยจุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้คือการรับทราบนโยบายการปฏิบัติงานจาก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งได้น้อมนำหลักราชการ 10 ประการ ของในหลวง รัชกาลที่ 6 และพระราชปณิธาน 5 ประการ ของในหลวง รัชกาลที่ 10 มาใช้เป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติงานของกองทัพบกในปี 2568

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ได้น้อมนำ หลักราชการ 10 ประการ ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มาปรับใช้ในการปฏิบัติงาน โดยประกอบด้วย ความสามารถ, ความเพียร, ความมีไหวพริบ, ความรู้เท่าถึงการณ์, ความซื่อตรงต่อหน้าที่, ความซื่อตรงต่อคนทั่วไป, ความรู้จักนิสัยคน, ความรู้จักผ่อนผัน, ความมีหลักฐาน และความจงรักภักดี

นอกจากนี้ ยังได้มอบพระราชปณิธาน 5 ประการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้แก่ "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ให้เป็นแนวทางหลักในการดำเนินงานของหน่วยต่างๆ

ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบนโยบายสำคัญสำหรับปี 2568 ให้กับผู้บังคับหน่วยทุกระดับเพื่อยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน โดยประกอบไปด้วย 5 ด้านหลัก ประกอบด้วย
1.การพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันสูงสุดในประเทศไทย การปฏิบัติภารกิจต่างๆ เช่น การถวายความปลอดภัย, การสืบสานพระราชปณิธาน และการขับเคลื่อนงานจิตอาสาพระราชทาน เป็นเรื่องที่กองทัพบกต้องให้ความสำคัญอย่างสูงสุด พร้อมกับการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

2. กองทัพบกจะต้องพัฒนากำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมเผชิญหน้ากับภัยคุกคามในทุกรูปแบบ การปรับปรุงยุทธศาสตร์และโครงสร้างของกองทัพจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงการพัฒนาการบริหารจัดการกำลังพล เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

3.การฝึกให้พร้อมต่อทุกภัยคุกคาม การฝึกกำลังพลในทุกระดับต้องเป็นไปตามแนวทาง “ฝึกอย่างที่จะรบ เมื่อรบต้องชนะ” ทุกหน่วยต้องมีการฝึกอย่างต่อเนื่อง  เพื่อเสริมสร้างความสามารถและความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ  

4. กองทัพบกต้องเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น  การบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในการช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายรัฐบาล  

5.การเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพล การดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลและครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา นอกจากนี้ ยังต้องดูแลเรื่องสวัสดิการและสภาพแวดล้อมในการทำงานของกำลังพลให้ดียิ่งขึ้น

พล.อ.พนา ยังเน้นย้ำความสำคัญในการคัดสรรและฝึกฝนทหารกองประจำการที่จะเข้าประจำการในวันที่ 1 พ.ย. นี้ โดยให้ความสำคัญกับการฝึกฝนที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล เพื่อลดการบาดเจ็บและสูญเสีย นอกจากนี้ ผู้บังคับหน่วยต้องประสานงานกับสัสดีเพื่อประชาสัมพันธ์สิทธิและสวัสดิการต่างๆ ที่ทหารกองประจำการจะได้รับ

ในส่วนของการช่วยเหลือประชาชน กองทัพบกได้ดำเนินการผ่านศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก และหน่วยจิตอาสาภาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายพื้นที่ หน่วยต่างๆ จะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจเกิดภัยพิบัติในอนาคต และปรับปรุงการทำงานจากบทเรียนที่ผ่านมาเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ