วันพุธที่ 3 กันยายน 2568
3 ก.ย. 2568 14:52 | 106 view
@pracha
กกร. ชี้การเมืองไม่แน่นอน หวั่นถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ SME ค้างจ่ายหนี้เกิน 90 วันพุ่ง การเมืองไร้นายกฯ ทําชะงักงัน ย้ําหลายปัญหารอแก้ไข รัฐบาลไม่เข้มแข็ง เดินหน้าลําบาก
เมื่อวันที่ 3 กันยายน นายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนอยู่ สาเหตุจากนโยบายการค้าสหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตัดสินจากศาลสูงสุด ภายหลังศาลอุทธรณ์สหรัฐ ตัดสินว่าการขึ้นอัตราภาษีนําเข้ากับประเทศต่างๆ ขัดต่อกฎหมาย และสหรัฐยกเลิกการยกเว้นภาษีสําหรับสินค้านําเข้ามูลค่าต่ํากว่า 800 เหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีความไม่แน่นอนสูง รวมถึง ถือเป็นแรงกระแทกเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจโลกในปีนี้ รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว จากการส่งออกที่ดีกว่าปกติ เพราะมีการเร่งส่งคําสั่งซื้อในช่วงครึ่งปีแรก แต่ครึ่งหลังยังมีความกังวลจากหลายปัจจัย โดยคาดว่าปี 2568 จีดีพีไทยจะขยายตัวได้ที่ 1.8%-2.2% จากช่วงครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1% เพราะมีปัจจัยที่สร้างการชะงักงันทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจกระทบการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงการขาดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนในระยะข้างหน้า และมีความเสี่ยงที่ประเทศจะโดนลงอันดับความน่าเชื่อถือสูงขึ้น
“อัตราการว่างงานในระบบช่วงไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้นเป็น 2.07% จาก 1.88% เทียบไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา และมีจํานวนผู้เสมือนว่างงานในภาคการเกษตรอยู่ที่ 2.1 ล้านคน สูงขึ้นประมาณ 5% เทียบปี 2567 ภาคการท่องเที่ยว ภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย? และภาคเกษตรชะลอตัว ความเปราะบางของธุรกิจเอสเอ็มอีไทย เห็นได้ชัดจากยอดค้างชําระหนี้เกิน 90 วันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่ยอดคงค้างสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท” นายผยง กล่าว
นายผยง กล่าวว่า กกร. มีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งต่องระมัดระวังเพราะอาจเข้าข่ายการแทรกแซงค่าเงิน และอาจถูกแซงชั่นเพิ่มเติมอีก รวมถึงเห็นความสัมพันธ์กับราคาทองคําที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันยังขาดข้อมูลเชิงลึกเพื่อทําความเข้าใจถึงผลกระทบของธุรกรรมทองคําและคริปโตฯ รวมถึงการโอนเงินกลับประเทศของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านช่องทางในระบบ ทําให้การเกินดุลการชําระเงินกว่าครึ่งไม่สามารถจําแนกได้ชัดเจน (Errors & Omissions) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสําคัญกับการแยกแยะและวิเคราะห์ผลกระทบของธุรกรรมทองคําต่อภาคเศรษฐกิจ (Real Sector) รวมถึงปรับปรุงและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อทําให้เกิดความสมดุลมากขึ้น อาทิ พิจารณากลไกลงทุนต่างประเทศ ผ่านกองทุน Sovereign Wealth Fund
นายผยง กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอก อาทิ ภาวะเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า และปัจจัยภายในอย่างต้นทุนพลังงาน ค่าจ้างขั้นต่ํา และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีความเปราะบาง จึงมีข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดหรือผ่อนปรนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่น้อยกว่า 50% ในปี 2569 หรือจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เพื่อบรรเทาภาระต้นทุน เสริมสภาพคล่อง ลดความเสี่ยงจากการปิดกิจการ และรัฐบาลควรให้ความสําคัญกับการจ่ายอัตราค่าจ้างตามทักษะฝีมือแรงงาน แทนการปรับขึ้นขั้นต่ํา สร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand – A Platform for Sustainable Policy Execution เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะแนวทางและสร้างแนวร่วมการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดย ภาคเอกชนจะร่วมเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน และอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐต่อไป
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเมืองในตอนนี้ถือว่าสร้างความชะงักงันในการเดินหน้าต่อ เพราะไม่รู้ว่าควรจะไปซ้ายหรือขวา ในแง่เอกชนพูดตลอดเวลาอยู่แล้วว่า ต้องการความชัดเจน มีรัฐบาลที่ดี ชอบธรรมด้วยกฎหมาย เป็นที่ยอมรับต่อนานาชาติและประชาชน มีความสามารในการบริหาร เพราะตอนนี้เรายืนอยู่ในภาวะที่เจออุปสรรคเต็มไปหมด ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่มีปัจจัยลบทั้งภายนอกและภายใน อาทิ ภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาปะทะชายแดน ทําให้หากรัฐบาลไม่เข้มแข็ง เอกชนก็เดินหน้าต่อลําบาก แม้เราพยายามเดิมด้วยตัวเองอยู่ ผ่านการออกแพลตฟอร์มหลังจากหารือร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อสร้างเครือข่ายและขับเคลื่อนให้ไปต่อ เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนและการเบิกจ่ายของรัฐบาล
นายพจน์ กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลระยะเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาหรือยุบสภาทันทีตอนนี้นั้น ต้องบอกว่าความวุ่นวานที่เกิดขึ้นมีผลกระทบอยู่แล้ว แต่การเป็นรัฐบาล 4 เดือนก่อนถือเป็นคําตอบทางการเมือง และเชื่อว่าเป็นคําคอบของเศรษฐกิจด้วย เพราะนโยบายระยะยาวยังต้องใช้เวลาในการขับเคลื่อนมากกว่านี้ ส่วนสาเหตุที่ยังคงคาดการณ์จีดีพีไว้เท่าเดิม เพราะมองว่า การส่งออกยังสามารถบวกได้ มีคําสั่งซื้อเข้ามาค่อนข้างดี แม้มีอาการช็อกเกิดขึ้นบ้าง รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่า ทําให้การค้าขายแข่งกับต่างประเทศลําบาก แต่มองว่าส่งออกมีทิศทางบวกได้อยู่ รวมถึงการท่องเที่ยวที่ยังพอไปได้ แม้มีนักท่องเที่ยวชะลอตัวลงบ้าง แต่คาดว่ายังใกล้เคียงกับปี 2567 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 35-36 ล้านคน ซึ่งหากมีการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีนเข้ามามากขึ้นจะดีมากขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทํามากเท่าที่ควร
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:48 459 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:43 61 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:22 71 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:19 58 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:15 75 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:13 57 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 16:02 56 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 15:26 64 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 14:52 107 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 14:32 94 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 14:23 89 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 14:04 87 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 13:51 130 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 12:58 114 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 12:23 190 views
ข่าว
3 ก.ย. 2568 11:30 157 views