×
Live หน้าหลัก ทันเหตุการณ์ ทั่วไป คุณภาพชีวิต อาชญากรรม เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ทหาร การเมือง ภูมิภาค บทความ บันเทิง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ การเงิน โชคชะตาและความเชื่อ สัมภาษณ์&บทความ กิจกรรม ททบ. กิจกรรม ทบ. แนะนำรายการ หน่วยงานและเอกชน พอดแคสด์ ศูนย์ข่าววิทยุ ติดต่อเรา

วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม 2567

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล - "ขับเคลื่อนแม่ฟ้าหลวง-ต่อยอดธุรกิจ-พัฒนาคนให้สังคม"

 14 ก.พ. 2567 13:53 | 2235 view

 @pracha

Facebook X Share

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล 

"ขับเคลื่อนแม่ฟ้าหลวง-ต่อยอดธุรกิจ-พัฒนาคนให้สังคม" 


9 - 11 ก.พ.2567 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน)
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และมีเวลาสนทนาสารพัดเรื่องกับ  "คุณดุ๊ก" หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์  ที่โดยปกติทุกปีจะมีการอัพเดตความคืบหน้า "งาน" และ "ภารกิจ" ใหม่ๆ  โดยเฉพาะการขับเคลื่อนมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯและโครงการพัฒนาดอยตุง   การต่อยอดผลักดันธุรกิจสารพัดในมือ  โดยเฉพาะการปั้น "แบรนด์ดอยตุง" ให้ต่อสู้แข่งขันได้ในตลาด  รวมถึงพัฒนาคนคืนกำไรให้สังคม ที่มีงานจิปาถะ ทั้งการเข้าไปช่วยเหลือเรื่องการศึกษา ที่มีคุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา เป็นตัวตั้งตัวตีในการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยและต่อยอดการศึกษาให้กับเด็กๆชาวเขา ที่พูดไทยไม่ออก เขียนไทยไม่ได้  ด้วยการนำวิธีการสอนแบบ มอนเตสซอรี่ (Montessori) จากตะวันตก ให็เด็กได้เรียนรู้จากเรื่องที่เขาสนใจสิ่งที่เขาชอบด้วยตัวเอง  จาก 8 โรงเรียนนำร่องในพื้นที่ดอยตุงครอบคลุม 24 หมู่บ้าน ตั้งแต่อนุบาลถึง ม.6 วันนี้สามารถขับเคลื่อนไปได้ 53 ศูนย์เด็กเล็ก และ 37 โรงเรียนในระดับ ป.1- ป.3 ในพื้นที่ห่างไกลออกไป  การฝึกอาชีพให้กับคนในชุมชนเพื่อไม่ให้ทิ้งถิ่นฐาน   ฯลฯ  ที่เที่ยวนี้ดูเหมือนจะเป็นปีพิเศษเพราะตัวของคุณดุ๊กเองก็ทำงานช่วยเหลือชาวบ้านรับใช้สังคมมาถึงครึ่งชีวิตพอดิบพอดี  

" ปีนี้ผมจะอายุ 50 ปีแล้ว  คิดเล่นๆว่าขอทำงานอีก 5 ปีก็จะถอยออกไปแล้ว  ก็มองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ได้ทำมาทั้งชีวิต สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคิดได้ในวันนี้ก็คือ งานทุกอย่างถ้าเราจะมาทำจริงๆ รันจริงๆโดยใช้ความสามารถเฉพาะของบุคคลมันไม่มีทางทำได้  ถึงทำได้ก็ไม่สำเร็จ ถึงสำเร็จมันก็ไม่สมบูรณ์  เราต้องสร้างฐานความคิดให้คนรุ่นใหม่  ต้องทำให้องค์กรต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนการพัฒนาเรื่องต่างๆ   ปีกว่าที่ผ่านมาหลายเรื่องผมไม่ได้ลงไปทำเองเหมือนแต่ก่อน แต่เราใช้ธีมในการบริหาร ใช้ตา ใช้ปาก เอาคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญมีความชำนาญในแต่ละด้านมาจับงานที่เขาถนัด ตรงนี้ก็เอาเขามาช่วยกันคิด อีก 5-10 ปีในอนาคตเราอยากได้อะไร เราอยากให้องค์กร อยากให้สังคมเราเป็นแบบไหน ก็มาช่วยกันคิดกัน" คุณดุ๊กกล่าว

ก่อนจะออกตัวว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา  ใน 2-3 ปีที่เกิดการระบาดของโรคหนักๆ องค์กรได้เรียนรู้หลายเรื่อง  อย่างแรกทำให้เรารู้ว่าเราไม่ใช่องค์กรที่มีความเข้มแข็งมากนัก   สองจุดอ่อนหลายเรื่องของเราถูกเปิดเผยออกมา จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เรา ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเยอะมากๆ มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานเยอะ  หลายเรื่องเราต้องมองอะไรไปข้างหน้าแบบเยอะมากๆ ต้องคิดอะไรใหม่ๆ ต้องตามให้ทันโลก ว่าตอนนี้เขาสนใจอะไร เขาบริโภคแบบไหน อะไรเป็นกระแส อะไรเป็นเรื่องที่โลกยุตนี้กำลังฮิตหรือสนใจกัน 

"  อย่างไรก็ตามเราก็ยังหนีธุรกิจ 5 อย่างขององค์กรเราไม่พ้น ได้แก่ หัตถกรรม เกษตร อาหารแปรรูป คาเฟ่ และท่องเที่ยว  ผมคงไม่ไปทำรถไฟฟ้าหรือไปทำอะไรที่ไม่ถนัดแข่งกับคนอื่น แบบนั้นไม่ใช่เรา ทำแล้วเจ๊งเราก็ไม่ไปเสี่ยงอยู่แล้ว เราก็ต้องมาดูว่าของในมือเรามีอะไร ดอยตุงมีอะไรไปขาย อย่างทีรู้ว่าธุรกิจของเรา บางเรื่องก็เป็นธุรกิจที่สร้่างกำไรมีรายได้  แต่บางธุรกิจของเราก็จงใจให้ขาดทุนเพราะต้องเอาไปหล่อเลี้ยงผู้คน ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้  เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมาสำรวจแต่ละธุรกิจว่าจะดำเนินการอย่างไร อันไหนเป็นเดอะแบก อันไหนเป็นซุปเปอร์แบก  อันไหนเป็นธุรกิจที่อาจจะต้องแบกรับการขาดทุน เพราะต้องดูแลคนต้องสร้างงานช่วยเหลือคน เพราะฉะนั้นวิธีบริหารจัดการในแต่ละธุรกิจก็ต่างกัน  ยกตัวอย่าง อาหารแปรรูปกับกาแฟอันนี้เป็นเดอะแบก ส่วนหัตถกรรมพอจะมีกำไรได้แต่ไม่เยอะ  ส่วนเกษตรเราก็ต้องทำเพราะเป็นเรื่องที่ช่วยเหลือคน ท่องเที่ยวก็เช่นกัน " หม่อมหลวงดิศปนัดดากล่าว และยอมรับว่าทั้งหมดคือภารกิจคืองานหนักที่ต้องคิดต้องทำอยู่ตลอดเพื่อขับเคลื่อนองค์กร ทั้งหมดไม่ใช่แค่การขับเคลื่อนองค์กรแต่ยังรวมถึงการช่วยเหลือชาวบ้านที่เป็นเครือข่ายทั้งหมดนับหมื่นนับแสนคนด้วย 


คุณดุ๊กเปิดเผยว่า งานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ไม่ได้มีแค่การ "สร้างงาน" กับ "สร้างคน" เฉพาะที่ดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เท่านั้น  แต่ปัจจุบันได้สยายปีก แผ่เครือข่ายไปอีกหลายพื้นที่หลายจังหวัด ช่วยคนส่งเสริมให้ทุกพื้นที่มีรายได้หล่อเลี้ยงตัวเอง  ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ใหญ่ๆ 4 โครงการ คือ  1. โครงการพัฒนาดอยตุง มีประชากรรวม 11,493 คน แบ่งเป็น วัยทำงาน (15-60 ปี) 60% วัยเด็ก 21%  วัยชรา อัตราการพึ่งพา 19%   2. โครงการชาน้ำมัน  มีประชากรรวม 2,782 คน แบ่งเป็น  วัยทำงาน (19-60 ปี) 47%  วัยเด็ก (ต่ำกว่า 13 ปี) 28%   วัยรุ่น (13-19 ปี) 15% วัยชรา (60 ปี ขึ้นไป) 10%   3. โครงการน่าน มีประชากรรวม 6,232 คน  และ 4. โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ป่าชุมชน) มีประชากรที่ได้รับประโยชน์ 71,834 คน 24,325 ครัวเรือน   มีพื้นที่ป่าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ 127 ชุมชน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร อุทัยธานี กระบี่ ยโสธร และ อำนาจเจริญ  อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่าโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ยังเป็นเดอะแบกหลักที่หล่อเลี้ยงองค์กรและผู้คน  ปีที่ผ่านมารายได้รวมจากประชากรทั้งโครงการ 1,106 ล้านบาท  ในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ 325 ล้านบาท 


อย่างไรก็ตามธุรกิจใหม่ที่คุณดุ๊กมองว่ามี  "โอกาส"  แถมยังเป็นการคืน "ลมหายใจ" ให้กับธรรมชาติ คือ การดำเนินงานโครงการจัดการคาร์บอนเครดิต ( Carbon credits)  ในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน  ที่ตอนนี้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯได้เดินหน้าทำธุรกิจนี้ก่อนใครเพื่อน แถมเป็นเจ้าใหญ่เจ้าแรกๆในตลาดที่ดำเนินการเรื่องนี้  โดยมีการจับมือกับองค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายสิบแห่งเพื่อต่อยอดเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม   โดยปัจจุบันโครงการคาร์บอนเครดิต แบ่งออกเป็น 3 ระยะ  คือ (ระหว่างปี 2664 - 2566)  ครอบคลุมพื้นที่ 192,646 ไร่ ร่วมกับป่าชุมชน 127 แห่ง ประชาชนเข้าร่วมกว่า 71,834 คน 24,325 ครัวเรือน และได้รับความได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจ 20 แห่ง และมียอดเงินในกองทุนกว่า 66,400,107 บาท  พื้นที่ดำเนินโครงการระยะที่ 4 (ปี 2567) คิดเป็น 200,000 ไร่ สำหรับแผนงานในปี 2567 มีแผนขยายพื้นที่อีก 150,000 ไร่ ผู้ได้รับผลประโยชน์รวม 72,000 คน และคาดว่าจะได้รับปริมาณคาร์บอนเครดิตปีละ 75,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีการจัดตั้งทีมงาน Incubation Center เพื่อบ่มเพาะกิจการชุมชน เพื่อต่อยอดกิจกรรมกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

" เรื่องคาร์บอนเครดิตเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีของเราในอนาคต เพราะเราเริ่มก่อนเพื่อน เราเป็นเจ้าตลาด  ขยับก่อนใคร ปีที่แล้วแสนไร่ ปีนี้ 1.5 แสนไร่  ปีหน้าเราตั้งเป้าไว้ 5 แสนไร่  มันอาจจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ไม่เยอะ แต่มันกินได้ยาว ตรงนี้เราคิดว่ามันเป็นโอกาส เพราะเรามีดาต้ามากกว่าคนอื่น  ถ้าเขาทำเองก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี กว่าจะดำเนินการได้ แต่ทุกพื้นที่เรามีข้อมูลหมดเพราะเราทำมาก่อนใครเพื่อน  การจะปลูป่าชุมชนได้นอกจากธรรมชาติดีแล้วคนในพื้นที่ก็ต้องดีด้วย ไม่งั้นไม่สำเร็จ  ป่าชุมชนในประเทศไทยมี 6 ล้านไร่  เราคิดว่าถ้าเราทำได้สัก 25 % หรือราว 1.5 ล้านไร่ ก็ถือว่าโอเคแล้ว ตรงนี้เราคิดว่าเรามีโอกาส เพราะเราทำเรื่องนี้มา 40 กว่าปี ตอนเราทำคนเก่งๆยังเป็นวุ้นอยู่เลย จุดแข็งของเราคือมีข้อมูลครบถ้วนในทุกพื้นที่  องค์กรไหนอยากจะทำโครงการคาร์บอนเครดิตก็มาร่วมกับเราได้เลย เราเชื่อว่าเราไปทางนี้ได้  อนาคตยังมีดีมานด์ที่เราคิดว่าไปได้" คุณดุ๊กกล่าว

ก่อนขยายความต่อว่าตอนนี้มีหลายองค์กรสนใจจะทำเรื่องคาร์บอนเครดิตกันมาก เพราะโลกอนาคตใครไม่ทำเรื่องนี้คุณก็ค้าขายกับต่างชาติลำบาก ธุรกิจคุณก็ไปต่อไม่ได้ ถูกยบอยคอตหมด ตอนนี้ทุกองค์กรก็กระโดดมาทำเรื่องนี้  แต่หลักการทำคาร์บอนเครดิตของเรา  เราจะไม่ตัดต้นไม้ก่อนแล้วค่อยปลูกแบบนั้นไม่ใช่วิธีการของเรา เพราะมันจะทำให้ขาดความหลากหลายทางชีวภาพ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะมันจะกระทบหมดถ้าเราไปทำแบบนั้น อาหารที่เรากิน ฝนที่ตกต้องตามฤดูกาลพวกนี้จะมีปัญหาหมด  ตอนนี้เทรนด์ใหม่ของโลกที่กำลังมาแรงนอกเหนือจากเรื่องคอร์บอนเครดิต  อนาคตเราก็จะมี biodiversity credits หรือ bio-credits  หรือ "เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ"  ที่เป็นหนึ่งนวัตกรรมที่นำกลไกตลาดมาใช้ในการระดมเงินทุนเพื่อดูแลธรรมชาติ ซึ่งการทำงานของไบโอเครดิต มีลักษณะคล้ายกับการทำงานของคาร์บอนเครดิตในตลาดภาคสมัครใจ (voluntary carbon credits) ในลักษณะที่ไบโอเครดิตเป็นสินค้าที่สามารถซื้อขายได้  นอกจากจะปลูกป่าแล้วในป่าก็ต้องมีตัวชี้วัดทางชีวภาพที่หลากหลาย มีพืชกี่ชนิด มีสัตว์ประเภทอะไรบ้าง มีนกพันธุ์อะไร ตรงนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญของไบโอเครดิตทั้งหมด 

" วันนี้บอกเลยใครมีข้อมูลมากกว่าในมือ คนนั้นก็ไปได้ก่อน ไปได้เร็ว ไปได้ไกลกว่าใครเพื่อน ตอนนี้ต่างประเทศก็เริ่มมาสนใจเรื่องไบโอเครดิต อนาคตมันจะเป็นเทรนด์ใหม่ของโลก นอกจากจะช่วยสร้างรายได้ สร้างอิมแพค สร้างสังคม ปกป้องอนุรักษ์ธรรมชาติ  ทำให้คนทำให้องค์กรตระหนักถึงการปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นกระแสใหม่มาแรง ทุกองค์กรต้องตระหนักและเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ หลายองค์กรในต่างประเทศ ในแอฟริกาก็เริ่มดำเนินการเรื่องนี้แล้ว หลายปีก่อนเราพูดเรื่องคาร์บอนเครดิตก็ไม่มีใครสนใจ มาวันนี้ทุกคนก็ต้องมาทำทั้งหมด ต่อไปข้างหน้าไบโอเครดิตก็จะเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกองค์กรต้องทำไม่งั้นคุณก็อยู่ไม่ได้" หม่อมหลวงดิศปนัดดาระบุ 

กว่าครึ่งชีวิตที่เข้ามาทำงานในมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เข้ามาพัฒนาพื้นที่ดอยตุงสืบสานปณิธานที่เป็น "มรดกสุดล้ำค่า" ของสมเด็จย่าฯที่มอบไว้ให้คนไทย  แม้จะทำงานสุดพลัง ทุ่มเทกำลังสุดแรงเกิด แต่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และโครงการพัฒนาดอยตุง ยังมี "เรื่อง" มี "งาน" มีสิ่งที่ต้องคิดต้องทำต้องขับเคลื่อนอีกมาก  วลีไม่มี "วันหยุด" และ "หยุดไม่ได้" สำหรับคนทำงานยังดังก้องในหูของเขาเสมอ  วันนี้แม้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และโครงการพัฒนาดอยตุง จะเดินไปได้ไกลจะเดินไปได้กว้างขวาง สร้างงานสร้างอาชีพ พัฒนาคนพัฒนาพื้นที่ไปได้มาก แต่คุณดุ๊กก็ออกตัวว่ายังมีงานอีกมหาศาลพะเรอเกวียนให้ตัวเอง  ทีมงาน และเครือข่าย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯและโครงการพัฒนาดอยตุงสานต่อฝ่าฝันกันอีกมาก 

" วันนี้เราหยุดไม่ได้และเราไม่สามารถหยุดได้เลย แม่ฟ้าหลวงและดอยตุงเลี้ยงคนมหาศาล  เพราะฉะนั้นเราต้องคิดต่อยอดและพัฒนาไปตลอด อย่างที่บอกเราต้องคิดว่าธุรกิจเราทั้งหมดที่มีอยู่จะไปยังไง ดาวเหนือเรามีชัดเจน  หัวใจสำคัญคือเราต้องสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ต้องมีความคล่องตัวในการทำธุรกิจ (Agility) พลิกแพลงได้เร็วเราถึงจะอยู่รอดในยุคนี้ อันนี้คือเรื่องสำคัญ ตอนนี้เราก็พยายามฟังข้อมูลจากคนอื่นให้มากขึ้น  พยายามทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร  มีความรับผิดชอบ สร้างการมีส่วนร่วม วางแผนข้อมูลให้แม่นยำ  วันนี้แม้เราจะพยายามให้ทุกคนตัดสินใจ แต่ความอดทนของเราในบางเรื่องก็ยังไม่พอ  อย่างที่บอกตอนนี้ผม 50 แล้ว อยากทำงานอีกสัก 5 ปีแล้วค่อยๆถอยออกไป อยากให้องค์กรอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผม ให้องค์กร Run ได้ด้วยตัวเอง Agility จะเกิดได้คนที่เป็นเฮดจะต้องสร้างให้เกิดการบูรณาการให้มากที่สุด" คุณดุ๊กเปิดใจเรื่องของทิศทางองค์กรในอนาคต

ที่เขาตีลังกายันหนักแน่นทำทุกอย่างตามรอยเท้า "พ่อ" ที่วางไว้เพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน  อย่างเต็มที่อย่างเต็มกำลัง  แม้วันนี้ "คุณชายดิศ" ม.ร.ว. ดิศนัดดา ดิศกุล ราชนิกุลนักพัฒนา เจ้านายติดดินของชาวบ้าน  ชายชราผู้บุกป่าฝ่าดงสืบสานปณิธานของสถาบันพระมหากษัติรย์อันเป็นที่รัก อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตราบจนลมหายใจสุดท้าย  ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ และจากโลกนี้ไปแล้วตั้งแต่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2564 สิริอายุรวม 81 ปี 11 เดือน แต่ "คำพูด" และ  "ผลงาน"  ที่คุณชายดิศเคยทำไว้จนเป็นที่ประจักษ์แก่แผ่นดินและคนรุ่นหลัง จะได้รับการสานต่อจากลูกชายคนนี้ต่อไปอย่างแน่วแน่และมั่นคง

"   ก่อนหน้านี้มีคนพูดว่ามูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯคือมูลนิธิของตระกูลดิศกุล  ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ วันนี้ทุกอย่างก็พิสูจน์แล้ว  สิ่งที่สบายใจผมที่สุดก็คือ วันหนึ่งถ้าผมเดินออกไปจากองค์กรนี้   มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงหรือโครงการพัฒนาดอยตุง ก็ยังคงอยู่อย่างยั่งยืน ด้วยตัวของมันเอง มีคนดี มีคนเก่ง มีคนเข้ามาช่วยกันทำงาน ช่วยชาวบ้านช่วยสังคม  วันนี้ผมยอมรับว่าบารมีผมไม่เท่าพ่อ ไม่เก่งเหมือนพ่อ ไม่ลุยเท่าพ่อ  ไม่มีพลังภายในเหมือนพ่อ แต่สิ่งเดียวที่ผมทำเก่งกว่าพ่อคือยกมือไหว้คนเก่งกว่าพ่อ  แต่อะไรที่จะทำให้พ่อเสียชื่อ ผมไม่ทำเด็ดขาด ......วันนี้ถ้ามีอะไรที่จะช่วยสังคม ช่วยชาติ ช่วยบ้านเมือง ช่วยคนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ช่วยให้ชาวบ้านมีงานทำ ช่วยให้ป่าให้ธรรมชาติได้รับการอนุรักษ์ผมทำหมด ให้ผมไปไหว้ใคร  ให้ผมไปกราบใครผมก็ยอม ก่อนหน้านี้ไปเจอใครผมก็ชนกับเขาหมด บนเวทีใส่กันไม่ยั้ง  ถ้าความคิดไม่ตรงกัน แต่ตอนนี้เราไปคิดแบบนั้นไม่ได้ เราจะพัฒนาประเทศสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ ต้องมีพวก ต้องมี Partner ต้องหาพันธมิตรมาช่วยกันมากกว่าแข่งขันกัน  เราต้องการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนงานใหญ่ของชาติถึงจะสำเร็จได้   " คุณดุ๊กทิ้งท้าย 

///////////////////////

เป็นเพื่อนกับบัญชีทางการ LINE ของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุดและอีกมากมาย!

เพิ่มเพื่อน

ทันเหตุการณ์

ข่าว

รัฐบาลเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 28 ก.ค. 67

9 พ.ค. 2567 12:01 26 views

ข่าว

‘นายกฯ’เผยยังไม่เห็นจดหมายลาออก‘กฤษฎา’ ย้ำยังเป็นโควตา‘รทสช.’

9 พ.ค. 2567 11:47 41 views

ข่าว

นายกฯลั่น ดึงกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด ทำเพื่อปชช.

9 พ.ค. 2567 11:44 35 views

ข่าว

‘สุทิน’แบ่งรับแบ่งสู้ ‘กองทัพ’พร้อมซื้อข้าว 10 ปีโครงการรับจำนำ หากมีคุณภาพ

9 พ.ค. 2567 11:34 38 views

ข่าว

​รัฐบาลเร่งผลักดันกฎหมาย 13 ฉบับ เพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนดีขึ้น

9 พ.ค. 2567 11:25 38 views

ข่าว

4 เดือนแรก 2567 ต่างชาติเยือนไทยแล้ว 12 ล้านคน สร้างรายได้ 5.8 แสนลบ.

9 พ.ค. 2567 11:23 20 views

ข่าว

ต่างชาติเชื่อมั่น‘แบรนด์รถยนต์จีน’ ในเวทีโลก

9 พ.ค. 2567 10:43 56 views

ข่าว

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน‘ทรงตัว’ หวังมาตรการรัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

9 พ.ค. 2567 10:40 52 views

ข่าว

พีระพันธุ์มั่นใจพรรคไม่สะเทือน ไร้คลื่นใต้น้ำ ปม 'กฤษฎา-สุพัฒนพงษ์' ลาออก

9 พ.ค. 2567 10:01 65 views

ข่าว

"ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ น้องคนเล็กกองทัพบก"

9 พ.ค. 2567 09:57 59 views

ข่าว

ARMY YOUTH SUMMER CAMP  

9 พ.ค. 2567 09:54 51 views

ข่าว

ราคาทองวันนี้ 9 พ.ค. 67

9 พ.ค. 2567 09:31 64 views

ข่าว

ราคาน้ำมันวันนี้ 9 พ.ค. 67

9 พ.ค. 2567 09:29 75 views

ข่าว

นายกฯ ประชุมยาเสพติด เคาะผู้เสพยาบ้า 1 เม็ด กัญชากลับเป็นยาเสพติดประเภท 5

9 พ.ค. 2567 08:44 138 views

ข่าว

คลังสั่งเข้มต้องไม่มีโกง เคาะเกณฑ์1หมื่น ตัดเกรดเงินฝากไม่เกิน5แสน

9 พ.ค. 2567 08:39 74 views

ข่าว

'นายกฯ'การันตีข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาฯคุณภาพดีไม่มีตก กลิ่นหอมเม็ดเรียงสวย

8 พ.ค. 2567 16:25 221 views

นโยบายคุกกี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ การจัดการคุกกี้