วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2567
2 ต.ค. 2567 10:07 | 749 view
@supakitt
แม้การทัศนศึกษาจะเป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ และเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ แต่ภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง และทำกิจกรรม ก็เป็นเรื่องที่ผู้ปกครอง และครู กังวลใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ที่ยังคงพบเห็นข่าวอุบัติเหตุจากการทัศนศึกษาอยู่เป็นระยะ นักวิชาการจึงได้เสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัย โดยถอดบทเรียนจาก 13 ประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง และส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างปลอดภัย
นายธาม เชื้อสถาปนศิริ อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา แม้ประเทศไทยจะมี พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2542 (แก้ไขเพิ่มเติม 2562) รวมถึงระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ เพื่อกำกับดูแลการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาให้มีความปลอดภัย แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างสมบูรณ์ จึงได้ศึกษาโมเดลความปลอดภัยจาก 13 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง และมาเลเซีย พบว่า หลายประเทศมีกฎหมายที่เข้มงวด ครอบคลุม และให้ความสำคัญกับการป้องกัน มากกว่าการแก้ไขปัญหาหลังเกิดเหตุ
ตัวอย่างกฎหมายน่าสนใจจากต่างประเทศ :
- สหราชอาณาจักร: มีกฎหมาย Health and Safety at Work etc. Act 1974 เน้นการประเมินความเสี่ยง ควบคุมอัตราส่วนครู และห้ามเดินทางกลางคืน
- สหรัฐอเมริกา: มีกฎหมาย Child Safety Laws และ School Field Trip Guidelines บังคับใช้เข็มขัดนิรภัย ตรวจสอบประวัติคนขับรถ และจำกัดเวลาเดินทางไม่เกิน 8 ชั่วโมง
- ออสเตรเลีย: มีกฎหมาย Education and Care Services National Law Act 2010 เน้นการดูแลเด็กเล็ก จำกัดเวลาเดินทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง และมีแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
- แคนาดา: มีกฎหมาย Canadian Occupational Health and Safety Regulations 1985 บังคับให้ประเมินความเสี่ยง ใช้รถที่ได้มาตรฐาน ขออนุญาตผู้ปกครอง และห้ามเดินทางกลางคืน
- ญี่ปุ่น: มีกฎหมาย School Health and Safety Act 1958 ห้ามทัศนศึกษาในพื้นที่เสี่ยง กำหนดอัตราส่วนครู และห้ามเดินทางกลางคืน
- สิงคโปร์: มีกฎหมาย Early Childhood Development Centres Regulations 2018 คุมเข้มอัตราส่วนครู และห้ามพาเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ออกนอกประเทศ
- นิวซีแลนด์: มีกฎหมาย Education (Early Childhood Services) Regulations 2008 กำหนดอัตราส่วนครู 1:6 สำหรับเด็กเล็ก และจำกัดเวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- ฝรั่งเศส: มีกฎหมาย Code de l'éducation 2000 ต้องขออนุญาต มีแผนป้องกันอุบัติเหตุ และห้ามเดินทางกลางคืน
- ฟินแลนด์: มีกฎหมาย Basic Education Act 1998 กิจกรรมต้องเหมาะสมกับวัย ประเมินความเสี่ยง ขออนุญาตผู้ปกครอง และห้ามเดินทางกลางคืน
- เกาหลีใต้: มีกฎหมาย Child Welfare Act 2000 มีครูดูแลใกล้ชิด มีพยาบาลร่วมเดินทาง ใช้รถที่ได้มาตรฐาน และวางแผนการเดินทาง
- จีน: มีกฎหมาย Law on the Protection of Minors 1991 อัตราส่วนครูต้องเหมาะสม ห้ามเดินทางไกล และห้ามเดินทางกลางคืน
- ฮ่องกง: มี Education Ordinance Cap 279 ต้องขออนุญาต มีแผนป้องกันอุบัติเหตุ และห้ามพาเด็กเล็กเดินทางไกล
- มาเลเซีย: มี Education Act 1996 ครูผู้ดูแลต้องมีอัตราส่วนที่เหมาะสม ห้ามเดินทางกลางคืน ใช้รถที่ปลอดภัย และขออนุญาตผู้ปกครอง
จากการศึกษา นายธาม เห็นว่า ประเทศไทยควรปรับปรุงกฎหมาย และมาตรการความปลอดภัยในการทัศนศึกษา ให้มีความครอบคลุม และเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยอาจนำแนวปฏิบัติที่ดีจากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ เช่น การกำหนดอัตราส่วนครูต่อนักเรียนที่ชัดเจน การอบรมครูผู้ดูแล การประเมินความเสี่ยง การใช้รถโดยสารที่ได้มาตรฐาน และการสื่อสารกับผู้ปกครอง เป็นต้น
การทัศนศึกษาเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าสำหรับเด็กๆ ดังนั้น การสร้างมาตรฐานความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างปลอดภัย และได้รับประโยชน์สูงสุด
ข่าว
4 พ.ย. 2567 11:19 37 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 11:12 37 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 09:48 49 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 09:35 86 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 09:31 49 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 09:26 48 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 09:15 72 views
ข่าว
4 พ.ย. 2567 09:01 41 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 14:57 151 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 14:54 135 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 14:52 157 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 14:48 274 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 11:20 124 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 11:18 148 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 10:33 207 views
ข่าว
3 พ.ย. 2567 10:28 214 views