เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 สิงหาคม2567  นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานต้อนรับคณะนักกีฬาทีมชาติไทยที่กลับมาจากการแข่งโอลิมปิกเกมส์ 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ให้การต้อนรับนักกีฬาที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ในส่วนของนักกีฬาที่ได้รับเหรียญรางวัลและเดินทางมาในครั้งนี้ ประกอบด้วย "เทนนิส" เรืออากาศโทหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ซึ่งเป็นนักกีฬาเทควันโดที่ได้รับเหรียญทอง และ "บี"จ่าโทหญิงจันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักกีฬามวยสากลที่ได้รับเหรียญทองแดง นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาคนอื่น ๆ ที่ร่วมการแข่งขันและเดินทางกลับมา ได้แก่ นายบัลลังก์ ทับทิมแดง และนางสาวศศิกานต์ ทองจันทร์ จากทีมเทควันโด รวมถึงนักกีฬามวยสากลอีก 7 คน ได้แก่ เรือตรีจุฑามาศ รักสัตย์, จ่าโทหญิงจุฑามาศ จิตรพงษ์, นางสาวธนัญญา สมนึก, สิบตำรวจโทหญิงใบสน มณีก้อน, สิบตำรวจโทธิติสรรณ์ ปั้นโหมด, นายบรรจง สินศิริ, และสิบตำรวจโทวีระพล จงจอหอ

หลังเดินทางมาถึง “เทนนิส” พาณิภัค กล่าวว่า รู้สึกอบอุ่น และดีใจมากที่มีคนมารับเยอะมากๆ ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนมา มันอิ่มเอมจนนอนไม่หลับ ภูมิใจมาก และดีใจมากที่ทำสำเร็จค่ะ มันเป็นประวัติศาสตร์ที่พวกเราร่วมกันเขียน คือมีชื่อประเทศไทยไปปักอยู่ที่ปารีสในเวทีโอลิมปิก รู้สึกภูมิใจมากๆ สำหรับความทุ่มเท ความเหนื่อย ที่ตัวเองเต็มที่มากๆ และทำให้ได้เหรียญทองกลับมา ตอบแทน และคนไทยมากๆ หายเหนื่อยเลย ตอนที่กราบขอบคุณโค้ชเช เป็นโมเมนต์ที่เราทำได้ ก็อยากจะขอบคุณโค้ชมากๆ ที่ทุ่มเทมากับตน และเราก็เชื่อใจกันมากๆ ทั้งตอนซ้อมและตอนแข่งขัน อยากขอบคุณคนไทยและก็โค้ชมากๆ

“สำหรับหนูตัดสินใจแน่นอนแล้วค่ะ ว่าเวทีโอลิมปิกเป็นเวทีสุดท้ายสำหรับชีวิตนักกีฬาค่ะ หนูมองว่าหนังสือเล่มนี้มันจบอย่างสวยงามที่สุดแล้ว และหนูก็เต็มที่ในการเขียนหน้านี้เป็นอย่างดีที่สุดแล้วค่ะ เล่มที่ชื่อว่า เทควันโด เต็มที่ที่สุดแล้ว หนูใส่สุดหมดตั้งแต่ก่อนไป จนตอนนี้มันสมบูรณ์สำเร็จทุกอย่างแล้ว หนูมีความสุข ตอนจบมันโคตรจะสวยงาม มันไม่มีอะไรสวยไปมากกว่านี้ หนูก็อยากจะไปเขียนหนังสือเล่มต่อไป อย่างเทควันโดสาขาที่สอง จะเปิดแล้วนะคะ ฝากทุกคนด้วยนะคะ”

เมื่อถามถึงเรื่องนักกีฬารุ่นน้องที่จะขึ้นมาทดแทน พาณิภัค บอกว่า น้องๆที่จะมา ก่อนหน้านี้ฝึกซ้อมด้วยกัน เตรียมกันมาเป็นคู่ซ้อมให้ตนโดยตรง คิดว่าน้องๆจะขึ้นมาทดแทนได้ ไม่ต้องกังวล มีแน่นอน ถึงแม้สำหรับตนเองจะเป็นแมตช์สุดท้าย แต่คิดว่าตนอาจจะเป็นแรงบันดาลใจหรือจุดเริ่มต้นให้ใครหลายๆ คน ในการเริ่มต้นเล่นกีฬาเทควันโด หรือทำตามความฝันของตัวเอง อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคน ในตอนแข่งขันวันมีเวลา ตอนนี้เราก็มีเวลา เรายังหายใจอยู่ เรายังไม่ตาย เพราะฉะนั้น เราอยากทำอะไรทำให้เต็มที่ในความฝันของตัวเองเลย ก็เป็นกำลังใจให้กับทุกความฝันของทุกคนเลย

ส่วนเรื่องอาการบาดเจ็บ น้องเทนนิส ระบุว่า ตอนนี้หลังจบการแข่งขัน ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น สำหรับอาการบาดเจ็บเป็นอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่เป็นมาหลายปีแล้ว ถ้าจะผ่าตัดก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานาน ก็บอกตัวเองเสมอว่ายังไม่อยากผ่าตัดอยากแข่งโอลิมปิกให้เสร็จก่อน ทำหน้าที่ตรงนี้ให้เสร็จก่อน หลังจากนี้ก็คิดว่าจะมีเวลาดูแลร่างกายเยอะขึ้น ก็คงไป MRI ไปเอ็กซเรย์ ไปดูร่างกายอย่างละเอียด เพราะก่อนหน้านี้บอกหมอว่า ไม่อยากรู้ว่าเป็นอะไร เพราะถ้ารู้แล้วจะกลัว เพราะเคยไป MRI แล้วเข็นไขว้หลังขาดแต่ว่าข้างซ้ายที่มันดัง ยังไม่ได้ไปดูว่าเป็นอะไร หลังจากนี้ก็จะไปตรวจร่างกาย คิดว่าจะพักเรื่องการฝึกซ้อมและก็เข้าคู่ไป หันไปวิ่งเบาๆ หรือเวทเทรนนิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะถ้าเข่าไม่ได้ซ้อมเลยมันจะเจ็บขึ้นได้”

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์กับ “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี อดีตนักกีฬาเทควันโด หลังมีภาพเปิดตัวหลังจบการแข่งขัน ซึ่ง เทนนิส พาณิภัค เปิดเผยว่า “สำหรับหนูกับเนียร์ ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมายาวนาน ปีนี้เป็นปีที่ 9 สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ในตอนแรก เราไม่อยากให้ทุกคนโฟกัส เพราะเราสองคนก็มีความฝัน หน้าที่เป็นนักกีฬาทีมชาติกันทั้งคู่ มีความฝันอยากจะไปโอลิมปิกด้วยกัน อยากคว้าเหรียญทองโอลิมปิกด้วยกัน อยากทุ่มเทเต็มที่ไปกับมัน เลยไม่อยากบอกใครค่ะ

“ตอนนี้มันเหมือนปลดล็อก สำเร็จไปแล้ว ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ หนูก็อยากบอกทุกคนว่า ทุกเส้นทางที่ผ่านมา ก็มี จูเนียร์ คอยอยู่ข้างๆ ค่ะ เขาก็โดนหนูเตะทุกวันกว่าจะมีวันนี้ก็เหนื่อยด้วยกันมา ร้องไห้ด้วยกันมา (เรียกแฟนได้แล้วใช่ไหม) เดี๋ยวพ่อว่าค่ะ” เทนนิส กล่าวด้วยรอยยิ้ม

Cr:ภาพสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย