ในจังหวะที่ วิลเลี่ยน พอพพ์ กองหน้า เมืองทอง ยูไนเต็ด ถูก นนท์ ม่วงงาม ผู้รักษาประตู ลำพูน วอริเออร์ เข้าสกัดในเขตโทษ เป็นจุดโทษ และ ใบเหลืองหรือไม่..? นั้น เหตุการณ์นี้ ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษของเมืองทอง ยูไนเต็ด และ ได้คาดโทษใบเหลืองกับผู้รักษาประตู ลำพูน วอริเออร์ เนื่องจากเป็นการป้องกันการทำประตูอย่างชัดเจน โดยการพยายามแย่งชิงลูกบอลในเขตโทษ (DOGSO - Denying an Obvious Goal Scoring Opportunity + Attempt to Play the Ball) - หลังจากนั้น VAR ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้ตรวจสอบเหตุการณ์ใน APP (Attacking Possesion Phase ว่าได้มีการกระทำผิดของฝ่ายรุกก่อนที่จะมีการทำประตูหรือไม่ - ซึ่งเมื่อ VAR ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ใน APP แล้ว ได้พบว่า จากจังหวะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ผู้เล่น เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้จ่ายบอลให้ วิลเลี่ยน พอพพ์ กลางสนาม ไม่ได้มีการล้ำหน้าเกิดขึ้น จากภาพการตีเส้นล้ำหน้าจากกล้อง VAR ดังนั้น VAR จึงทำการตรวจสอบเหตุการณ์ในเขตโทษต่อว่าเป็นจุดโทษหรือไม่ - เมื่อ VAR ตรวจสอบเหตุการณ์ในเขตโทษแล้ว ได้เห็นตรงกับผู้ตัดสินว่าเป็นจุดโทษ เนื่องจาก ผู้รักษาประตูได้ทำฟาวล์ผู้เล่นฝ่ายรุกโดยการกีดขวางการเล่น แต่ VAR เห็นว่าเป็นการกระทำผิดที่มีโอกาสเป็นใบแดงโดยตรง เนื่องจากผู้เล่นฝ่ายรุกได้แตะบอลหลบไปแล้ว โดยที่ผู้รักษาประตูได้เอามือและแขนไปขวาง ซึ่งไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถแย่งชิงลูกบอลได้ จึงได้แนะนำให้ผู้ตัดสินมาตรวจสอบเหตุการณ์จากจอ VAR อีกครั้ง (On-Field Review) ว่าควรลงโทษเป็นใบแดงโดยตรงหรือไม่ - เมื่อผู้ตัดสินได้ตรวจสอบเหตุการณ์อีกครั้งแล้ว ยังคงยืนยันเป็นจุดโทษ และ คาดโทษใบเหลืองให้กับผู้รักษาประตูเหมือนเดิม เนื่องจากเห็นว่าผู้รักษาประตูยังมีการพยายามแย่งชิงลูกบอลอยู่ โดยการกระโดดใช้มือไปเล่น แต่เข้าแย่งชิงบอลช้า ทำให้ผู้เล่นฝ่ายรุกแตะบอลหลบไปได้ก่อน แล้วจึงมีการสัมผัสกับผู้เล่นฝ่ายรุกเกิดขึ้น ซึ่งผู้รักษาประตูสามารถใช้มือและแขนในการเล่นบอล ในเขตโทษของตนเองได้ ผู้ตัดสินจึงกลับไปยืนยันคำตัดสินเดิม * คำตัดสินที่ควรจะเป็น จากวิทยากร ฝ่ายพัฒนาผู้ตัดสิน (Expected Decision): จุดโทษ และ คาดโทษใบเหลืองกับผู้รักษาประตู เนื่องจากเป็นการป้องกันการทำประตูอย่างชัดเจน โดยการพยายามแย่งชิงลูกบอลในเขตโทษ