×
Live หน้าหลัก ทันเหตุการณ์ ทั่วไป คุณภาพชีวิต อาชญากรรม เศรษฐกิจ ต่างประเทศ กีฬา สิ่งแวดล้อม ทหาร การเมือง ภูมิภาค บทความ บันเทิง Life สุขภาพและความงาม ไอที ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การเงินและการลงทุน แฟชั่น โชคชะตาและความเชื่อ กิจกรรม ททบ. กิจกรรม ทบ. แนะนำรายการ หน่วยงานและเอกชน พอดแคสด์ ศูนย์ข่าววิทยุ ติดต่อเรา

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม 2567

?>

ความว้าวุ่นของ “ตำรวจ” และ “อดีตตำรวจ”

 9 ต.ค. 2566 16:23 | 29597 view

 @varin

Facebook X Share

 

การเมืองภายในของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

     เรียกว่าตั้งแต่ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 25 กันยายน เป็นต้นมา ก็ไม่มีหน่วยงานไหนในประเทศไทย ที่สามารถชิงพื้นที่ข่าวจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปได้ 

     มีการนำกำลังตำรวจจาก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และชุดคอมมานโด พร้อมอาวุธแบบจัดหนักจัดเต็ม บุกนำหมายของศาล เข้าไปขอตรวจค้นบ้านพักของ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนดัง ชนิดที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ รู้จักมากกว่าตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสียอีก ได้แก่ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บริเวณหลังสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต

     ข่าว ณ เช้าวันนั้น ปล่อยกันออกมาเป็นระลอก ว่าเป็นการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวม 30 จุด ใน 6 จังหวัด เพื่อจับกุมตัว “ผู้ต้องหาตามหมายจับกลุ่มเจ้าของเว็บการพนันและบัญชีม้า” ซึ่งเป็นพลเรือน จำนวน 15 ราย และ “ผู้ต้องหาตามหมายจับกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ซึ่งเป็นทีมงานของบิ๊กโจ๊ก และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บการพนันดังกล่าว อีกจำนวน 8 ราย

 

     

ข้ออ้างในการขอเข้าไปตรวจค้นเช้าวันนั้น ก็เพื่อจับกุมตัวหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นายตำรวจติดตามของบิ๊กโจ๊ก และแม้ว่าจะไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และยังไม่ได้กล่าวหาว่าบิ๊กโจ๊ก มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในกรณีดังกล่าว แต่ข่าวที่ปล่อยออกมาหลังจากนั้น ก็เป็นไปเพื่อโน้มน้าวให้พี่น้องประชาชน คิดไปได้ในทำนองเสียหาย

     ตั้งแต่ความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก กับ มินนี่ ผู้ต้องหาจากการขยายผลคดีเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน ของ คุณพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอล ลำพูนวอริเออร์ ที่ถูกจับกุมตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

     ภาพและคลิปวิดีโอที่บิ๊กโจ๊ก ร้องเพลงมหาลัยวัวชน ของวงพัทลุง ร่วมกับ มินนี่ รวมถึงเส้นเงินจากมินนี่ จำนวน 3.6 ล้านบาทเศษ โอนผ่านเข้ามายังบัญชีม้า จ่ายต่อไปยังนายตำรวจ จำนวน 7 ราย รวมถึงจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลคุณแม่ของบิ๊กโจ๊ก โอนให้คุณแม่และน้องชายของบิ๊กโจ๊ก รวมถึงจ่ายเป็นค่าโทรศัพท์ให้กับบิ๊กโจ๊ก อีกรวม 3.6ล้านบาทเศษด้วย

    ผิดถูกอย่างไรบ้างก็เรื่องหนึ่งนะครับ ว่ากันไปตามรูปคดี หลักฐาน แลการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม แต่ที่บิ๊กโจ๊ก เองก็พยายามชี้ให้เห็นว่ามันแยกกันไม่ออก กับสิ่งที่สังคมก็เข้าใจได้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างยิ่ง ก็คือการเมืองภายใน สตช. ที่ในอีก 2 วันหลังจากนั้น จะมีการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่แทน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ

 

     แคนดิเดต ผบ.ตร. ในคราวนี้ จำนวน 4 คน เรียงลำดับตามอาวุโส ตามนัยแห่ง มาตรา 78 ของ พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ซึ่ง บิ๊กเด่น ลงนามในบันทึกข้อความ ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาแล้ว ได้แก่ 

     1) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ (รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เกษียณอายุราชการ ปี 2567) 2) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน เกษียณอายุราชการ ปี 2574) 3) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ (รับผิดชอบงานบริหาร เกษียณอายุราชการ ปี 2569) และ 4) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล (รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เกษียณอายุราชการ ปี 2567)

    ทั้งนี้ เนื่องจากการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งนี้ จะเป็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งแรกภายใต้ พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ซึ่งดูเหมือนจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับ “ลำดับอาวุโส” โดยระบุไว้ใน มาตรา 60 ว่า “การจัดระเบียบข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คำนึงถึงระบบคุณธรรม” โดยที่ “การพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่ง และการให้ประโยชน์อื่นแก่ข้าราชการตำรวจต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม โดยพิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติประกอบกัน”

     ประกอบกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ก็ได้ระบุไว้ใน มาตรา 78 (1) ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอก ซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือ รอง ผบ.ตร. “โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม” เสนอต่อ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ในลำดับต่อไป

 

    คำถามที่เกิดขึ้น และยังคงหาความชัดเจนอย่างเป็นเอกฉันท์ไม่ได้ ก็คือ 

1) จะต้องพิจารณาแต่งตั้งตามลำดับอาวุโสเท่านั้น หมายความว่า บิ๊กรอย ต้องได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. หรือ

2) จะใช้อาวุโสมาประกอบกับความรู้ความสามารถ อย่างละ 50% กรณีนี้ ความโน้มเอียงก็ยังน่าจะต้องเป็น บิ๊กรอย เพราะหลายฝ่ายก็มองว่า ในระนาบ รอง ผบ.ตร. เอาจริงๆ มาได้ถึงระดับนี้ ก็ต้องถือว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถไม่น้อยหน้ากัน หรือ

3) ในท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็นเรื่องของความเหมาะสม ที่ทั้งอาวุโสและความรู้ความสามารถ เป็นแค่คำอธิบายประกอบ ซึ่งก็จะเปิดให้นายกรัฐมนตรี สามารถเลือกแต่งตั้งใครก็ได้ใน 4 แคนดิเดตนี้ พูดอย่างตรงไป คือ บิ๊กต่อ ซึ่งมีอาวุโส รวมถึงอายุการรับราชการตำรวจ น้อยที่สุด เป็น ผบ.ตร. ได้

 

 

เมื่อผลการตัดสินถูกประกาศแล้ว การแข่งขันก็จบลง

     จนแล้วจนรอด นายก เศรษฐา ทวีสิน ก็ต้องตัดสินใจเสนอชื่อ บิ๊กต่อ ให้ ก.ตร. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา และผ่านด้วยมติ 9 ต่อ 1 (พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ไม่เห็นชอบ) และงดออกเสียง 2 คน ได้แก่ คุณเศรษฐา ในฐานะประธานที่ประชุม และ คุณประทิต สันติประภพ ในฐานะ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ

     สถานการณ์ตรึงเครียด และความอึมครึมภายใน สตช. ที่เกิดขึ้น และดำรงอยู่มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน ต่อเนื่องมาถึงช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคม ก็ค่อยๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จนหลายฝ่ายชี้ตรงกันว่า เป็นเพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว และ บิ๊กต่อ ในฐานะ ผบ.ตร. คนใหม่ ก็แสดงท่าทีที่เป็นมิตร และพยายามประนีประนอมกับรอง ผบ.ตร. ทุกคน เริ่มจากการปล่อยภาพทานข้าวเที่ยงร่วมกัน และความชัดเจนเรื่องการแบ่งงาน โดยให้รอง ผบ.ตร. เลือกกันได้เองตามลำดับอาวุโส แทนที่จะเป็นการล้างบาง อย่างที่หลายฝ่ายกังวลใจกัน

     ข่าวลือก่อนหน้านี้ ที่ว่า บิ๊กรอย อาจจะยื่นฟ้อง หากตน ในฐานะรอง ผบ.ตร. อาวุโสอันดับที่ 1 ไม่ได้รับการแต่งตั้ง รวมถึงท่าทีแข็งกร้าวของ บิ๊กโจ๊ก ต่อการถูกดิสเครดิต ด้วยการบุกค้นบ้านและจับกุมทีมงาน จนเป็นที่เข้าใจได้ว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้ง 2 คน ตัดสินใจไม่เข้าร่วมการประชุม ก.ตร. เพื่อคัดเลือก ผบ.ตร. ในครั้งที่ผ่านมา ก็ดูจะสงบเรียบร้อยลงไปแล้ว

     มีเพียงควันหลง ที่ลอยมาจากนอกรั้ว สตช. โดย ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช ที่ได้เปิดตัวเข้ามาช่วยเรื่องคดีความให้กับ บิ๊กโจ๊ก และทีมงาน ก่อนหน้านี้ และได้ประกาศไว้ว่าจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” สะเทือนวงการสีกากี ในวันที่ 5 ตุลาคม ก่อนที่สถานการณ์จะเปลี่ยนแบบหันหัวกลับ ภายใต้คำอธิบายของ คุณอนันต์ชัย ที่ว่า “เกาทัณฑ์ เมื่อขึ้นสายแล้ว ก็ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยว และตรงเป้าหมาย” แม้ “มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ว่า ให้ถอยทัพเพราะศัตรูขอเจรจา” ก็ตาม

 

 

ความว้าวุ่น... เมื่อ “วีรบุรุษนาแก” จับมือกับ “ทนายกระดูกเหล็ก”

     แทนที่จะเป็น บิ๊กรอย หรือ บิ๊กโจ๊ก ในฐานะ รอง ผบ.ตร. ที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็กลายมาเป็น คุณอนันต์ชัย ร่วมกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ คุณเศรษฐา ในฐานะผู้เสนอชื่อของ บิ๊กต่อ ให้คณะกรรมการ ก.ตร. พิจารณา และเป็นผู้นำชื่อของ บิ๊กต่อ กราบบังคมทูลเพื่อให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ร่วมกับ กรรมการ ก.ตร. อีก 9 คน ที่ลงมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง บิ๊กต่อ เป็น ผบ.ตร. ในฐานที่เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91 และข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กรณีแต่งตั้ง บิ๊กต่อ เป็น ผบ.ตร.

     คำอธิบายของ ป๋าเสรี เริ่มต้นจากการชี้ว่าการแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ยึดลำดับอาวุโส ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 258 ง.(4) ที่บัญญัติไว้ว่า “การพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคํานึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน เพื่อให้ข้าราชการตํารวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด” ประกอบกับ พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตราที่ได้เคยถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางไว้แล้ว รวมถึงยังชี้ต่อไปด้วยว่า เพราะการไม่ยึดลำดับอาวุโสเช่นนี้ จะนำไปสู่การถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมืองและนักการเมือง

     ประเด็นที่ ป๋าเสรี ยกขึ้นมา และสังคมเคยถกเถียง และควรจะร่วมกันถกเถียงต่อไป ก็คือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ไม่ใช่แค่ตำรวจ หรือทหาร แต่รวมไปถึงข้าราชการพลเรือนอื่นๆ ด้วย ควรจะปลอดจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมืองหรือไม่ ? ถ้าใช่ ด้วยเหตุผลอะไร ? 

     ก็ในเมื่อนักการเมืองที่เข้ามาทำหน้าที่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเหล่านี้ ได้รับการเลือกตั้งมาจากพี่น้องประชาชน เจ้าของภาษีซึ่งนำมาจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับข้าราชการ การตัดสินใจของนักการเมือง ไม่ว่าจะถูกใจบุคลากรในหน่วยงานนั้นๆ หรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีความเชื่อมโยงกับพี่น้องประชาชน อยู่มากกว่าการที่จะปล่อยให้การขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารของหน่วยงาน เป็นไปตามลำดับอาวุโส หรือพูดง่ายๆ ก็คือ อายุราชการของตัวแคนดิเดต เป็นหลัก

 

     นอกจากนั้น การแทรกแซงของฝ่ายการเมือง ต่อการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำ ยังเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชน สามารถตรวจสอบและให้ฟีดแบ็ค แปลไทยเป็นไทยก็คือ ชมได้-ด่าได้ ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ กับความรู้ความสามารถของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดำรงตำแหน่ง กระทั่งการกดดันให้ย้ายบุคคลนั้นๆ ออกไป หากแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดหรือความด้อยประสิทธิภาพในการบริหารงาน

     ตรงกันข้าม หากปล่อยให้การขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน เป็นไปตามลำดับอาวุโสเท่านั้น โดยฝ่ายการเมืองไม่สามารถมีบทบาทเข้าไปกำหนดใดๆ ได้ ประเทศก็คงได้ผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้ที่อายุราชการมากที่สุดของหน่วยงาน แต่ไม่ได้สะท้อนถึงความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะความตั้งใจที่จะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน อย่างน้อยที่สุด ก็โดยการตอบสนองต่อนโยบายทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งมาจากพี่น้องประชาชนอีกทอดหนึ่ง

     เอาจริงๆ ป๋าเสรี เองก็มีวิธีคิด ว่าการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง หรือทำหน้าที่ใดๆ ผู้บริหารต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณา ว่าแต่ละคนนั้นมีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นๆ หรือไม่ ดูได้จากที่ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในเชิงตำหนิ เกี่ยวกับการแบ่งงานให้ รอง ผบ.ตร. โดย บิ๊กต่อ ซึ่งให้เลือกงานกันเองตามลำดับอาวุโส ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม

     ไอ้เราก็ตั้งใจฟังการให้สัมภาษณ์จนจบซะด้วย ทีนี้ก็ลำบาก ก็ว้าวุ่นเลย... งงสิครับ

 

 

ศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ เจิมสิทธิประเสริฐ

ผู้อำนวยการ สมาคมนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์

อีเมล [email protected]

 

เป็นเพื่อนกับบัญชีทางการ LINE ของเราเพื่อรับข่าวสารล่าสุดและอีกมากมาย!

เพิ่มเพื่อน

ทันเหตุการณ์

ข่าว

นายกฯนั่งหัวโต๊ะนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าครั้งแรก ผลักดันไทยเป็นฮับด้านอีวี

4 ธ.ค. 2567 15:25 161 views

ข่าว

"ทวี สอดส่อง"แจงระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ทันใช้สิ้นปี 67

4 ธ.ค. 2567 15:21 148 views

ข่าว

เซ่นประกาศกฎอัยการศึก! ครม.‘เกาหลีใต้’จ่อไขก๊อกยกชุด

4 ธ.ค. 2567 13:57 136 views

ข่าว

'นายกฯ'ขอคนไทยในเกาหลีใต้เลี่ยงพื้นที่ชุมนุม ติดตามข่าวสถานทูตอย่างใกล้ชิด

4 ธ.ค. 2567 13:45 146 views

ข่าว

"พิชัย" เผย "นายกฯ" กำชับสินค้าอุปโภคบริโภคภาคใต้ ห้ามขาด ห้ามแพง!

4 ธ.ค. 2567 13:43 136 views

ข่าว

‘เอกนัฏ’โต้ฮั้ว​‘ภูมิใจไทย’หนุน‘ถาวร’ลงนายก​ อบจ.สงขลา​

4 ธ.ค. 2567 11:42 148 views

ข่าว

เกาหลีใต้กดดันหนัก! 'ปธน.ยุน'ต้องลาออกจากตำแหน่ง หลังประกาศกฎอัยการศึกโดยมิชอบ

4 ธ.ค. 2567 11:37 166 views

ข่าว

เปิดภาพ‘บุญทรง’รายงานตัวที่เชียงใหม่ หลังได้พักโทษคดีจำนำข้าว

4 ธ.ค. 2567 11:34 142 views

ข่าว

เทศกาลดนตรีญี่ปุ่นสุดยิ่งใหญ่ บุกเขาใหญ่!

4 ธ.ค. 2567 11:01 104 views

ข่าว

เมืองโบราณ จัดใหญ่! TREASURE X MUANGBORAN

4 ธ.ค. 2567 10:54 84 views

ข่าว

นายกฯ เร่งฟื้นการคมนาคมใต้ รฟท.เปิดเดินรถถึงหาดใหญ่แล้ว

4 ธ.ค. 2567 10:52 171 views

ข่าว

‘สุวรรณภูมิ’ คว้ารางวัล Prix Versailles 2024 สนามบินสวยที่สุดในโลก

4 ธ.ค. 2567 10:27 173 views

ข่าว

นายกฯชวนคนไทย ออร์เดอร์ด่วน..เมนู ”ต้มยำกุ้ง“ อร่อยระดับโลก ขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมฯ แล้ว

4 ธ.ค. 2567 10:25 147 views

ข่าว

นายกฯ กำชับ ศปช.เร่งเปิดการคมนาคมภาคใต้ตอนล่าง ด้าน รฟท.เปิดเดินรถถึงหาดใหญ่ได้แล้วเช้านี้

4 ธ.ค. 2567 10:19 147 views

ข่าว

'น้องเอวา'ลาพักร้อน! งดโชว์ตัวอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์-โตเป็นสาว

4 ธ.ค. 2567 10:16 155 views

ข่าว

ราคาทองวันนี้ 4 ธ.ค. 67

4 ธ.ค. 2567 09:29 180 views