ไทยประท้วงทางการทูตหลายช่องทาง ย้ํากัมพูชาละเมิด JD และอนุสัญญาออตตาวา ซ้ํายังใช้ข่าวปลอมสร้างภาพเหยื่อ หลังเหตุยิงยั่วยุชายแดนสระแก้ว

วันที่ 14 พ.ย.68 - กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์เข้ม หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว อําเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 โดย นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันจากข้อมูลของกองทัพบกว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ใช้อาวุธยิงก่อน ทําให้ทหารไทยต้องหลบเข้าที่กําบังและยิงแจ้งเตือนตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันอธิปไตยและความปลอดภัยของกําลังพล ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพเข้าหลุมหลบภัยโดยเร่งด่วน

โฆษก กต. เปิดเผยว่า ไทยได้ ส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชา และจะส่งสําเนาให้นานาชาติรับทราบ รวมถึงญี่ปุ่นในฐานะประธานประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา พร้อมทั้งเตรียมทําหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติอีกด้วย
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีของไทยได้ส่งหนังสือถึง นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อแจ้งสถานการณ์และยืนยันจุดยืนของไทยต่อเหตุละเมิดชายแดน

หนึ่งในมาตรการสําคัญเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงคือ ในวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ไทยจะจัดให้ คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team : AOT) ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้งสองแห่ง คือ ห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ และ บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว

โฆษก กต. ยังชี้ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิด Joint Declaration – JD อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากเหตุลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ในเขตแดนไทย จนทําให้ทหารไทยทุพพลภาพหนึ่งนาย และการยิงยั่วยุเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังพยายามเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน จัดฉากทําทีเป็นเหยื่อ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง ซึ่ง ไม่ใช่ครั้งแรก และสะท้อนถึง ความไม่จริงใจในการรักษาสันติภาพร่วมกัน

กระทรวงการต่างประเทศย้ําว่า ไทยปฏิบัติตาม JD อย่างเคร่งครัด และมีความคืบหน้าหลักใน 4 ด้าน ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก, การเก็บกู้ทุ่นระเบิด, การปราบปรามออนไลน์สแกม และการบริหารจัดการชายแดน จึงไม่มีเหตุผลที่ไทยจะเป็นฝ่ายละเมิด JD
ในทางกลับกัน หลักฐานชี้ว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายดําเนินการเพื่อ “สร้างสถานการณ์” ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อเสถียรภาพของอาเซียน และความมั่นคงในภูมิภาค

ไทยยืนยันว่า ทุกขั้นตอนดําเนินการด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทั้งจาก AOT สื่อมวลชน และสังคมเปิดกว้างของไทย พร้อมเชื่อมั่นว่า ข้อเท็จจริงจะยืนยันความถูกต้องของไทย และนําไปสู่ความจริงที่ปรากฏในเวทีระหว่างประเทศ