นักวิชาการชี้ “เวทีอาเซียน–เอเปค” คือก้าวสําคัญที่ไทยกลับมามีบทบาทเชิงสร้างสรรค์บนเวทีโลก สร้างทุนความเชื่อมั่นระยะยาวต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ

วันที่ 2 พ.ย.68 - ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจําคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นต่อการประชุมสุดยอดผู้นําอาเซียน (ASEAN Summit) และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย–แปซิฟิก (APEC Summit) ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นําคณะไทยเข้าร่วม ว่า
ถือเป็น “หมุดหมายสําคัญ” ที่สะท้อนบทบาทเชิงรุกของไทยบนเวทีโลกอย่างชัดเจน

ดร.สติธร มองว่า การเข้าร่วมของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ไม่ใช่เพียงพิธีการหรือการแสดงตัว แต่เป็น ยุทธศาสตร์การวางตําแหน่งประเทศไทยให้กลับมาสู่บทบาทแกนกลางของภูมิภาค ท่ามกลางการแข่งขันของมหาอํานาจระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดย “อนุทิน” สามารถส่งสัญญาณเชิงบวกให้ประชาคมโลกเห็นว่า ไทยพร้อมจะเป็นประเทศแห่งความร่วมมือ บนพื้นฐานของสันติภาพ ความยั่งยืน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดร.สติธร กล่าวว่า การประชุมทั้งสองเวทีทําให้ไทยได้ “คืนความเชื่อมั่น” จากนานาประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสพบปะผู้นําประเทศต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งช่วยเสริมความไว้วางใจและเปิดประตูการลงทุนใหม่ ๆ เข้ามาในไทย การแสดงบทบาทของไทยในเวทีโลกครั้งนี้ยังสะท้อนถึง ท่าทีที่มั่นคงและสร้างสรรค์ของรัฐบาล ซึ่งมุ่งเน้นความร่วมมือมากกว่าความขัดแย้ง ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจพลังงาน อาหาร และเทคโนโลยี รวมถึงการยืนยันความพร้อมของไทยที่จะเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลและโลจิสติกส์ของภูมิภาค”

แม้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอาจยังไม่ปรากฏทันที แต่ ดร.สติธรย้ําว่า ทุนทางความเชื่อมั่น (Confidence Capital) ที่ไทยได้จากเวทีอาเซียน–เอเปค จะกลายเป็น “แรงขับเคลื่อนสําคัญ” ในการฟื้นเศรษฐกิจและเสริมเสถียรภาพในระยะยาว