วันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568
15 ต.ค. 2568 10:50 | 75 view
@pracha
พลังงานเดินหน้าเชื่อมโยงไฟฟ้า 4 ประเทศอาเซียน
คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสําหรับโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฉบับที่ 6 และแถลงการณ์ร่วมสําหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (เอเซค) ครั้งที่ 3 ตามที่ “พลังงาน” เสนอ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ถ้อยแถลงร่วมสําหรับโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ฉบับที่ 6 เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีพลังงานทั้ง 4 ประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนแบบพหุภาคีในภูมิภาคอาเซียน ถือเป็นรากฐานสําคัญของการเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid: APG) สร้างความยืดหยุ่นของระบบโครงข่ายไฟฟ้า ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานของอาเซียนผ่านการลงทุนและส่งเสริมศักยภาพพลังงานหมุนเวียน โครงการระยะแรก สปป.ลาว ได้ขายไฟฟ้าไปยังสิงคโปร์ ผ่านสายส่งของไทยและมาเลเซีย ปริมาณสูงสุดที่ 100 เมกะวัตต์ และในระยะที่ 2 มาเลเซียจะขายไฟฟ้าเพิ่มเติมให้กับสิงคโปร์ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการซื้อขายไฟฟ้าเป็น 200 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมการผ่านสายส่งไฟฟ้า (Wheeling Charge) และเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว
ทั้งนี้ การรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีกําหนดจัดขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ด้านพลังงาน ครั้งที่ 43 ในส่วนร่างแถลงการณ์ร่วมสําหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มพันธมิตรเอเชีย เพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Asia Zero Emission Community : AZEC) หรือ เอเซค ครั้งที่ 3 เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศพันธมิตร 11 ประเทศ (ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป. ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม) ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้แนวคิด “เป้าหมายเดียว หลากหลายแนวทาง”
โดยมุ่งเน้นการหารือเพื่อแสวงหาแนวทางการลด ก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนที่ลดได้ยาก ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาตลาดคาร์บอนและการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการเข้าถึงนวัตกรรมด้านการเงินสีเขียวและกลไกความช่วยเหลือด้านการเงินและความเชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศพันธมิตรเอเซค
“ทั้ง 2 กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นนี้ แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงพลังงาน ให้ความสําคัญทั้งด้านความมั่นคงทางพลังงาน การสร้างรายได้ให้กับประเทศ รวมทั้งการใส่ใจสิ่งแวดล้อมผ่านเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นานาประเทศในภูมิภาคให้ความสําคัญและมีเป้าหมายที่จะดําเนินการร่วมกัน ซึ่งผลประโยชน์ ที่เกิดขึ้น นอกจากประเทศไทยจะได้รับนวัตกรรมและรายได้จากทั้ง 2 กิจกรรมแล้ว ยังเป็นการสร้างพันธมิตรอันดีระหว่างประเทศในภูมิภาคอีกด้วย” นายอรรถพล กล่าว
ข่าว
15 ต.ค. 2568 14:21 33 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 14:15 31 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 13:29 66 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 12:41 29 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 12:37 43 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 12:22 60 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:55 96 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:50 76 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:23 77 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:05 97 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:01 207 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 09:47 65 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 09:36 74 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 09:08 115 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 08:53 178 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 08:41 83 views