วันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2568
14 ต.ค. 2568 09:08 | 50 view
@pracha
มาริษ ชี้ MOU43-44 มีไว้เป็นกรอบเจรจา ไม่ทําให้เสียดินแดน ลั่นหากรบ.ใหม่ยกเลิกต้องรับผิดชอบ สีหศักดิ์ ถกเขมรลดตึงเครียดชายแดน มาเลย์-มะกัน ร่วม ย้ํายึด4ข้อ
วานนี้ 13 ตุลาคม 2568 ร้านอาหารครัวคุณเรศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมาย ร่วมเสวนาพูดคุยถึงกรณี MOU 43-44 โดยนายมาริษ กล่าวว่า ยืนยัยว่า MOU ดังกล่าวไม่ได้ทําให้ประเทศชาติเสียหาย และไม่ได้เปลี่ยนแปลงขอบเขตอํานาจอธิปไตย ไม่ได้เปลี่ยนเส้นเขตแดน หรือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในส่วนแผนที่ทั้งหลาย ก็เป็นเพียงเอกสารฉบับหนึ่ง การจะไปใช้อะไรเจรจา ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีสิทธิ์เสนอ แต่จะตกลงกันได้หรือไม่ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (เจบีซี) แล้วในท้ายที่สุดเรื่องก็ต้องเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ยํ้าว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทําให้ไทยเสียหาย
“เรื่องนี้เป็นกลยุทธ์การเจรจา แต่หากยกเลิก ความเสียหายคือจะไม่มีกรอบในการพูดคุย และท่าทีของฝ่ายไทยจะถูกเปิดเผย ทําให้ผู้ไปเจรจายิ่งมีความลําบากมากขึ้น เพราะกัมพูชาจะทราบว่าเรามีแนวคิดอย่างไร รายละเอียดภายใน MOU เป็นความลับ เป็นอํานาจพิจารณาของฝ่ายบริหาร ที่จะพิจารณาหากนําเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการสาธารณะ เช่นการทําประขามติ จะยิ่งอันตราย มองว่าการยกเลิกต้องเป็นอํานาจฝ่ายบริหาร ที่สําคัญ ยกเลิกแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”นายมาริษกล่าว
นายจักรภพ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาทั้งหมดไม่ใช่ MOU แต่เป็นการตั้งกระบวนการขวาจัด โดยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างไปสู่เรื่องที่ใหญ่กว่า เพราะ MOU เป็นแค่เครื่องมือในการพูดคุย ทั้งนี้ หากยึดความสําเร็จจากรัฐบาลที่แล้วเป็นหลัก คิดว่าการที่รักษาปัญหานี้ให้อยู่ในระดับทวิภาคีเป็นสิ่งที่ดี จึงอยากให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน พิจารณาสานต่อเรื่องนี้ เพื่อนําไปสู่การแก้ปัญหาชายแดน
ขณะที่นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กระบวนการมีปัญหาย่อมมีกระบวนการแก้ไข ไม่สามารถบังคับใช้ปฏิบัติทันที ไม่เหมือนหลักกฏหมายในประเทศ เพราะเป็นหลักอธิปไตยที่ทุกประเทศเท่าเทียมกัน สําคัญคือประเทศไทยมีศักดิ์ศรี ไม่รังแกคนอื่น แต่เคารพในความเท่าเทียม MOU ที่ใช้กันทั่วโลก ทั้งเรื่องชายแดน การค้า หรือการส่งผู้ร้ายข้าม คือการเคารพกฎหมายขั้นพื้นฐาน คือจะไปบังคับอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีกองทัพใหญ่โตหรือเล็กกว่าแค่ไหน แต่จะต้องใช้หลักยินยอม ไม่ใช่การบังคับให้กัมพูชาต้องยอมฝ่ายไทย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์บัญชี กระทรวงการต่างประเทศ | MFA of Thailand ระบุว่า นายสีหศักดิ์ได้ร่วมการหารือ 4 ฝ่ายระหว่างมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ไทย และกัมพูชา ในห้วงการเยือนมาเลเซียในลักษณะ Working Visit เพื่อเข้าร่วมการประชุมต่างๆ ตามคําเชิญของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนโดยได้หารือประเด็นที่คั่งค้าง เพื่อลดความตึงเครียดตามแนวชายแดนและให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ฝ่ายไทยย้ําความสําคัญของกลไกทวิภาคี การแสดงความจริงใจในการปฏิบัติตามสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ พร้อมย้ําประเด็นการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการให้ความร่วมมือบริหารจัดการบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยหวังเห็นความจริงใจของกัมพูชาเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าประสงค์ในทางปฏิบัติเพื่อสันติภาพและความสงบสุขบริเวณชายแดน
ข่าว
14 ต.ค. 2568 11:42 45 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 11:25 37 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 09:54 46 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 09:48 49 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 09:47 136 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 09:38 44 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 09:28 61 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 09:08 51 views
ข่าว
14 ต.ค. 2568 08:59 126 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 12:49 276 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 12:33 263 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 11:14 144 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 11:06 200 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 11:04 165 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 10:59 191 views
ข่าว
13 ต.ค. 2568 10:54 164 views