วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2568
12 ต.ค. 2568 16:25 | 251 view
@pracha
ซูเปอร์โพล เผยผลสํารวจปชช.กว่าครึ่งยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน และอยากได้ใครเป็นนายกฯ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสํานักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยรายงานผลสํารวจเรื่อง “ความสุข ความทุกข์ และการเมืองของคนไทย วันนี้” จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจํานวนทั้งสิ้น 1,258 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-11 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
โดยร้อยละ 43.7 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า “วันนี้รู้สึกทุกข์มากกว่าสุข” ในขณะที่เพียงร้อยละ 18.9 รู้สึก “สุขมากกว่าทุกข์” และอีกร้อยละ 37.4 ระบุว่ามีความรู้สึกสุขและทุกข์พอ ๆ กัน สะท้อนถึงภาวะความรู้สึกของประชาชนที่โน้มเอียงไปทางด้านลบมากกว่าด้านบวก ซึ่งเป็นสัญญาณทางสังคมที่ควรให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพราะความรู้สึก “ทุกข์” ในมิติทางจิตใจมักสัมพันธ์โดยตรงกับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในระบบการเมือง
หากพิจารณาปัจจัยที่ทําให้คนไทยรู้สึก “มีความสุข” มากที่สุด จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีความหมายเชิงคุณภาพชีวิตมากกว่าปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยร้อยละ 68.9 ระบุว่า “ครอบครัว” เป็นแหล่งความสุขสําคัญอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ “งาน” ร้อยละ 65.3 และ “เงิน” ร้อยละ 64.8 ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบของความมั่นคงในชีวิตประจําวัน
นอกจากนี้ ร้อยละ 61.1 ระบุว่า “เพื่อน” เป็นปัจจัยสําคัญ ขณะที่ “สุขภาพ” มีสัดส่วนร้อยละ 59.7 และอีก 53.2% ระบุถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความสําเร็จ ความรัก ความเป็นอิสระ การช่วยเหลือผู้อื่น และการปฏิบัติทางศาสนา เช่น การสวดมนต์ ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนอย่างเด่นชัดว่า ความสุขของคนไทยในวันนี้ผูกพันกับความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความสงบทางใจ มากกว่าการพึ่งพาระบบภายนอกหรือรัฐ
ในทางตรงข้าม ปัจจัยที่สร้างความทุกข์ให้กับประชาชนสะท้อนภาพที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยร้อยละ 68.1 ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่า “ปัญหาเศรษฐกิจ” คือความทุกข์สําคัญอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ “การเมืองที่วุ่นวาย ขัดแย้ง เสียของ พัวพันผลประโยชน์” ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 64.9 และ “ความไม่มั่นคงในชีวิต” อยู่ที่ร้อยละ 62.7 ตามมาด้วย “ความเจ็บป่วย” ร้อยละ 52.9 “การตกงาน” ร้อยละ 33.4 และ “ปัจจัยอื่น ๆ” เช่น การสูญเสีย ความขัดแย้ง ความไม่เป็นธรรม และการถูกเอารัดเอาเปรียบ คิดเป็นร้อยละ 36.2 ปัจจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ความทุกข์ของคนไทยในวันนี้เป็น “ความทุกข์เชิงโครงสร้าง” ที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และความเหลื่อมล้ําในสังคม มากกว่าความทุกข์ส่วนบุคคล นอกจากนี้การที่ “การเมือง” เป็นปัจจัยสร้างความทุกข์สูงถึงร้อยละ 64.9 ยังบ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจและความรู้สึกผิดหวังในระบบการเมืองปัจจุบันของประชาชนจํานวนมาก
ในอีกมิติหนึ่งของการสํารวจ เมื่อสอบถามถึงลักษณะของผู้นําทางการเมืองที่คนไทยอยากเห็นเพื่อให้สังคมมีความสุขมากขึ้น พบว่าเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนให้ความสําคัญกับคุณภาพของผู้นํามากกว่าขั้วการเมือง โดยร้อยละ 84.7 ต้องการผู้นําที่ “ดี เก่ง และกล้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ผลดี” ซึ่งเป็นปัจจัยที่สะท้อนถึงความคาดหวังต่อการบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง ขณะที่ร้อยละ 81.5 ต้องการผู้นําที่ “โปร่งใส ซื่อสัตย์ ไม่คดโกง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน” สะท้อนถึงความต้องการความเชื่อมั่นทางการเมือง ร้อยละ 76.3 ต้องการ “คนรุ่นใหม่ที่กล้าเปลี่ยนแปลง ล้างบางการเมืองเก่า” ร้อยละ 74.5 อยากเห็นผู้นําที่ “เป็นอิสระจากขั้วอํานาจเดิม” และร้อยละ 73.1 ต้องการผู้นําที่ “จริงใจ ทํางานเก่ง และเข้าถึงง่าย” ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดว่า ประชาชนไทยมีความต้องการผู้นําที่ “โปร่งใส ทํางานได้จริง และแตกต่างจากการเมืองแบบเดิม” มากกว่าผู้นําที่เพียงแค่มีชื่อเสียงหรืออยู่ในระบบอํานาจเก่า
ในส่วนของการตัดสินใจทางการเมือง พบว่า ประชาชนร้อยละ 51.9 ระบุว่ายัง “ไม่ตัดสินใจ” ว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด ขณะที่ร้อยละ 24.6 แม้จะ “ตัดสินใจแล้ว” แต่ก็ “อาจเปลี่ยนใจได้” และมีเพียงร้อยละ 23.5 เท่านั้นที่ “ตัดสินใจแน่นอน” ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า ประชาชนกว่าร้อยละ 76.5 ยังเปิดกว้างต่อการตัดสินใจทางการเมือง และยังไม่เกิดการยึดโยงกับพรรคการเมืองใดอย่างมั่นคง นี่เป็นสัญญาณสําคัญสําหรับการสื่อสารเชิงนโยบายในอนาคต เพราะประชาชนกลุ่มนี้อาจเป็นฐานเสียงที่กําหนดทิศทางของการเมืองไทยในระยะยาวได้หากมีพรรคหรือผู้นําที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นทางการเมืองได้อย่างแท้จริง
เมื่อนําผลการสํารวจทั้งหมดมาวิเคราะห์ร่วมกัน จะเห็นภาพที่ชัดเจนว่า ความสุขของคนไทยในวันนี้เกิดจาก “ความมั่นคงใกล้ตัว” เช่น ครอบครัว งาน รายได้ เพื่อน และสุขภาพ ขณะที่ความทุกข์กลับมีรากมาจาก “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” โดยเฉพาะเศรษฐกิจและการเมืองที่ไร้เสถียรภาพ ความไม่มั่นคงในชีวิต และความเหลื่อมล้ํา ความรู้สึกไม่เชื่อมั่นในระบบการเมืองสะท้อนผ่านตัวเลขที่สูงถึงร้อยละ 64.9 ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนเชิงสังคมอย่างสําคัญว่า ความเชื่อมั่นทางการเมืองกําลังอยู่ในภาวะเปราะบาง ขณะเดียวกัน ความหวังของประชาชนได้เคลื่อนมาสู่ “ผู้นํารุ่นใหม่ที่โปร่งใส เก่ง และกล้าปฏิรูป” มากกว่าผู้นําแบบเดิมที่ผูกพันอยู่กับขั้วอํานาจเก่า
ข้อเสนอเชิงนโยบายจากผลสํารวจนี้จึงมีความชัดเจนว่า หากต้องการยกระดับความสุขของประชาชนอย่างยั่งยืน (1) รัฐและภาคการเมืองจําเป็นต้องลดความเหลื่อมล้ําทางเศรษฐกิจ (2) สร้างระบบการเมืองที่โปร่งใสและเป็นธรรม (3) ปฏิรูปโครงสร้างการเมืองให้เปิดกว้างต่อคนรุ่นใหม่และการมีส่วนร่วมของประชาชน และ (4) สร้างความมั่นคงในชีวิตประจําวันของผู้คนอย่างเป็นรูปธรรม
ความสุขของคนไทยไม่ได้อยู่ที่คําสัญญาทางการเมือง หากแต่อยู่ที่ความมั่นใจว่าระบบเศรษฐกิจและการเมืองสามารถตอบสนองต่อความต้องการจริง ๆ ได้ ความสุขของประชาชนจึงเป็นทั้งเป้าหมายและดัชนีวัดความสําเร็จของการพัฒนาประเทศที่แท้จริง” ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้ง ซูเปอร์โพล กล่าว
ข่าว
15 ต.ค. 2568 15:02 187 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 14:55 144 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 14:48 147 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 14:21 146 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 14:15 121 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 13:29 188 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 12:41 118 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 12:37 150 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 12:22 163 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:55 189 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:50 171 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:23 159 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:05 227 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 10:01 353 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 09:47 139 views
ข่าว
15 ต.ค. 2568 09:36 151 views