พิธา ตั้งคําถามถึงรัฐบาลในการเตรียมจัดประชามติยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ชี้ควรใช้ "การประชุมลับ" ในรัฐสภามากกว่าการทําประชามติ พร้อมถาม ครม. เห็นด้วยกับแนวคิด "บวรศักดิ์" หรือไม่ แนะนายกฯ วางจุดยืนไทยเป็นตัวตั้งในเวทีอาเซียน ไม่ให้ใครชักจูง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมจัดให้มีการออกเสียงประชามติถามประชาชนให้ยกเลิกข้อตกลง MOU43-44 ระหว่างไทยและกัมพูชาหรือไม่ โดยตั้งคําถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ทําไมเรื่องนี้จึงไม่ใช้กลไกของรัฐสภา ในระดับมหภาค รัฐบาลต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า เงื่อนไขใดที่ควรใช้กลไกรัฐสภา และเงื่อนไขใดที่ต้องทําประชามติ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความลักลั่นในการบริหารประเทศ พร้อมระบุว่า เข้าใจว่าเรื่องนี้มีที่มาจากแนวคิดของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แต่ไม่แน่ใจว่ารัฐมนตรีคนอื่นเห็นด้วยหรือไม่

อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า หากกังวลว่าข้อมูลความมั่นคงจะถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ การใช้กลไกในรัฐสภา เช่น การยื่นญัตติ การพิจารณาในกรรมาธิการ หรือการประชุมลับ จะสามารถรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงของชาติและความเข้าใจของประชาชนได้ดีกว่าการเริ่มต้นด้วยการทําประชามติทันที

นายพิธายังกล่าวถึง การประชุมสุดยอดอาเซียนที่กําลังจะมาถึงว่า นายกรัฐมนตรีควรนําเอา อธิปไตยและมนุษยธรรมของประเทศมาเป็นที่ตั้ง โดยวางจุดยืนที่สามารถ กําหนดอนาคตของเราเองได้ โดยไม่ให้ประเทศไหนมาผลักหรือชักจูงเราได้ ส่วนกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอตัวเป็นตัวกลางเจรจา นั้น นายพิธา กล่าวว่า ถ้ามองเป็นสถานการณ์ภาพรวม ตอนนี้ก็มีเรื่องอิสราเอล-ปาเลสไตน์ อยู่ รวมถึงเรื่องรัสเซีย-ยูเครน จึงคิดว่าต้องดูเกมยาวหน่อย ว่าในระยะยาวสิ่งที่เกิดขึ้นยุติธรรมกับทุกฝ่ายหรือไม่ และยังคงไว้ซึ่งอํานาจของแต่ละประเทศหรือไม่ ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นจุดที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หนึ่งที่เกิดขึ้น อินเดีย-ปากีสถาน ก็เป็นอีกที่หนึ่ง เราก็ต้องดูในระยะยาว และกําหนดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยเป็นสิ่งสําคัญ

“ถ้าเรามียุทธศาสตร์ของเราเป็นตัวตั้ง จุดแข็ง จุดอ่อน ขีดจํากัด โอกาสของเรา ที่เป็นหนึ่งในอาเซียน เศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก สามารถจะเป็นสะพาน หรืออํานาจขนาดกลางที่สามารถเชื่อมโยงสู่ระเบียบของโลกใหม่ได้อย่างไรบ้าง ถ้าเรารู้ว่าเราต้องการอะไร เจอปัญหาอะไรก็จะง่าย แต่ถ้าเราไม่รู้อะไร ก็จะโดนโยนไปโยนมาอย่างที่เคยเป็นมา” นายพิธากล่าว