"รังสิมันต์ โรม" ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ เตรียมซัก "ร.อ.ธรรมนัส-นางนฤมล" ปมสัมพันธ์ "เบน สมิธ" ยันไร้เจตนาแอบแฝง แค่อยากรู้ข้อเท็จจริง สงสัยท่าทีช่วยเหลือเกินไป พร้อมเรียก "ไชยชนก" แจงปมถูกเสนอ 40 ล้านแลกไม่ปราบ ย้ําทุกฝ่ายต้องให้ข้อมูล ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือนายเบน สมิธ และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการฟอกเงิน ซึ่งนายรังสิมันต์มองว่าเป็น "อาณาจักรมโหฬาร" และเป็น "ทุนเทา" ที่กําลังคุกคามประเทศไทย

นายรังสิมันต์  กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงิน ซึ่งรวมถึง ตํารวจสอบสวนกลาง, ตํารวจไซเบอร์, สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.), ธนาคารแห่งประเทศไทย และกองทัพเรือ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบริเวณจังหวัดตราดมาหารือร่วมกัน

นายรังสิมันต์  กล่าวต่อว่า ในวันนี้จะพิจารณาเฉพาะความเกี่ยวข้องของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กับนายเบน สมิธ ซึ่งนายรังสิมันต์ยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าทั้ง 2 ท่าน จะเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่  แต่ยืนยันว่า คณะกรรมาธิการฯ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึง ร.อ.ธรรมนัสด้วย และยืนยันว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ เพียงต้องการทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับท่าทีการช่วยเหลือที่ดูเหมือนจะมากเกินไป

“นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีที่มีการเสนอเงิน 40 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งต้องไล่ไทม์ไลน์และเส้นทางการพยายามติดสินบนนี้อย่างละเอียด แม้จะได้รับหนังสือตอบกลับจากนายไชยชนกว่าได้ให้การกับตํารวจไปแล้ว และจะไม่เข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ แต่ กมธ. จะยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการฯให้ความสําคัญกับการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้เป็นเรื่องสําคัญเกี่ยวกับทุนเทา ที่จะยึดประเทศไทย เชื่อว่าเส้นทางการเงินของกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้ง่าย และใช้นอมินีเพื่อปกปิดความเชื่อมโยง จึงจําเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลชุดนี้และชุดก่อนหน้า ให้ความสําคัญแค่การจับบัญชีม้า ซิมม้า แต่ไม่สามารถทําลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติได้ หากต้องการทําลายโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติอย่างแท้จริง ต้องให้ความสําคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องการฟอกเงิน ซึ่งวันนี้มีมูลค่ามหาศาล และเงินเหล่านี้กําลังไหลเข้าสู่ประเทศไทย บางส่วนถูกใช้เพื่อยึดอํานาจรัฐ บางส่วนยึดบริษัทพลังงาน และบางส่วนถูกใช้เพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ทําให้กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถเดินหน้าได้ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศอย่างยิ่ง.