รัฐบาลเดินหน้าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี “คนละครึ่งพลัส” และลดหย่อนเที่ยวเมืองรอง 2 เท่า คาดดัน GDP ไตรมาส 4 โตถึง 1%

วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี โดยมุ่งเพิ่มกําลังซื้อของประชาชนและช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้

ประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ์สามารถกดยืนยันเข้าร่วมผ่านแอป “เป๋าตัง” ได้ระหว่างวันที่ 20–26 ตุลาคม โดยกระทรวงการคลังจํากัดจํานวนผู้เข้าร่วมโครงการไว้ที่ 20 ล้านคน ซึ่งอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยผู้ใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง” ทั้ง 5 เฟสที่ผ่านมา

นาย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการ “คนละครึ่งพลัส” จะให้ความสําคัญกับ ประชาชนที่อยู่ในระบบภาษี ซึ่งจะได้รับวงเงินสมทบจากรัฐสูงกว่าผู้ที่อยู่นอกระบบ พร้อมทั้งปรับเกณฑ์อายุผู้เข้าร่วมจาก 18 ปี เหลือเพียง 16 ปีขึ้นไป

โดยประชาชนจะได้รับสิทธิ์ใช้จ่ายร่วมกับรัฐบาลในอัตรา “รัฐออกครึ่งหนึ่ง” จากเดิมวันละ 150 บาท เพิ่มเป็น วันละ 200 บาท ซึ่งหมายความว่าประชาชนสามารถใช้จ่ายได้รวมวันละ 400 บาทต่อคน

ด้านผู้ประกอบการ โครงการนี้ได้ ขยายขอบเขตประเภทกิจการ จากเดิมที่รับเฉพาะบุคคลธรรมดา ให้ครอบคลุมถึง นิติบุคคลขนาดย่อม (SME / ไมโครเอสเอ็มอี) รวมถึงธุรกิจบริการ เช่น ร้านทําผม ร้านซ่อมบํารุง รถแท็กซี่และรถโดยสาร แต่ยังคง ไม่เปิดให้ใช้ในร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้มาตรการเข้าถึงผู้ค้ารายย่อยอย่างแท้จริง

ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมจะได้รับการอบรมทักษะด้านการทําบัญชีและการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ภายใต้โครงการ “อารีย์ สกอล์ (Ari School)” เพื่อยกระดับศักยภาพทางธุรกิจและเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบ โดยไม่ยกเว้นภาษี แต่สามารถนําข้อมูลเข้าร่วมโครงการมาใช้เป็นประวัติประกอบการขอสินเชื่อได้

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเตรียมเสนอ มาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง ให้สามารถหักลดหย่อนได้ 2 เท่า สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันที่ 14 ตุลาคมนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี

ทั้งโครงการ เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, คนละครึ่งพลัส, และมาตรการ ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว คาดว่าจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2568 ให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.3% เป็น 1% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้