วันพุธที่ 10 กันยายน 2568
10 ก.ย. 2568 09:38 | 143 view
@pracha
ทักษิณอ่วม คปท.-กลุ่มชาญชัย จ่อดาบสอง เตรียมขยับร้อง ป.ป.ช.เอาผิด ฐานเป็นตัวการ-ผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐสร้างเรื่องป่วยทิพย์ ขั้นต่ําหากไม่รอดโดน 6-8 ปี รอดูรัฐบาลอนุทินเดินหน้าเรื่องฎีกาเท็จหรือไม่
10 ก.ย.2568 - นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการกฎหมายอิสระ อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และเป็นหนึ่งในทีมฝ่ายกฎหมายร่วมกับนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองให้ไต่สวนการบังคับโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีชั้น 14 ที่ได้ร่วมเดินทางไปฟังการอ่านคําสั่งของศาลฎีกาฯเมื่อ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาด้วย ให้ความเห็นในเชิงข้อกฎหมายว่า ปัญหาเรื่องคดีความของนายทักษิณยังไม่จบ แม้จะมีการบังคับโทษส่งตัวนายทักษิณเข้าเรือนจําไปแล้วเมื่อ 9 ก.ย. เพราะในรายละเอียดคําสั่งของศาลฎีกาฯ ชี้ว่ากระบวนการบังคับโทษกับนายทักษิณไม่เป็นตามกฎหมาย คําสั่งดังกล่าวระบุว่าตัวนายทักษิณมีส่วนร่วม มีส่วนได้ประโยชน์จากการกระทําทั้งหมด ศาลจึงเชื่อว่านายทักษิณมีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมโดยตรงทําให้เกิดการกระทําข้างต้นจึงให้กลับไปจําคุกใหม่ภายในหนึ่งปี ซึ่งในคําสั่ง มีการระบุถึงว่า เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย มีพฤติการณ์ที่ทําให้ผู้ต้องขัง (นายทักษิณ) ไม่ต้องติดคุก ที่เป็นความผิดอาญา
“การที่หากนายทักษิณจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ตัวการ ดูแล้วคงลําบาก เพราะศาลฎีกาฯบอกว่า ตัวเขาเองมีส่วนในการตัดสินใจการรักษาและได้ประโยชน์ในการตัดสินใจรักษาต่างๆ เพราะฉะนั้น การที่นายทักษิณจะอ้างว่าตัวเองไม่ใช่ตัวการหรืออะไรก็แล้วแต่ในสายตาของนักกฎหมายโดยทั่วไปก็มองว่านายทักษิณเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุนในการกระทํานั้น ความผิดของนายทักษิณจากกรณีนี้มันมีอยู่ส่วนหนึ่งและความผิดเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทําการ ที่นายทักษิณต้องไปรับผิดด้วยในฐานะตัวการหรือผู้สนับสนุนอีกส่วนหนึ่งทําให้ ยังมี คดีอีกเยอะหลังจากนี้ที่จะตามมาเป็นพรวน เพราะก็มีเรื่องอยู่ในคณะกรรมการป.ป.ช.อยู่”
นายคมสันระบุว่า ยกตัวอย่าง คําสั่งของศาลฎีกาฯ ระบุว่าการบังคับโทษไม่เป็นไปตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และไม่ได้ดําเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 โดยเมื่อกรณีนายทักษิณไม่ได้มีการให้บังคับโทษให้ถูกต้องตามมาตรา 55 พบว่ามาตรา 55 วรรคท้าย บัญญัติว่า "ถ้าผู้ต้องขังไปเสียจากสถานที่ที่รับผู้ต้องขังไว้รักษาตัว ให้ถือว่ามีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญา" ซึ่งในประมวลกฎหมายอาญาก็อยู่ในมาตรา 190 บัญญัติว่า ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอํานาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอํานาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ซึ่งตรงนี้ต้องมีการกล่าวโทษ ก็เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์หรือ ป.ป.ช. ที่ต้องกล่าวโทษ
นายคมสันกล่าวต่อว่า เข้าใจว่านายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ คงไปติดตามต่อ กรณีนี้เป็นการกระทําความผิดร่วมกันหลังศาลฎีกาฯมีการไต่สวนพยานบุคคลรวม 31 ปาก โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐประมาณกว่า 20 ปากที่มีส่วนร่วม ซึ่งในวรรคสองของ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 บัญญัติว่า "ถ้าความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรกได้กระทําโดยแหกที่คุมขัง โดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย หรือโดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ" และยังมีความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปร่วมกระทําการ ซึ่งจากคําสั่งของศาลฎีกาฯ จะทําให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องต้องไปรับผิดทางอาญาอีกหลายมาตราเช่น มาตรา 157 มาตรา 184 มาตรา 203 มาตรา 204 ของประมวลกฎหมายอาญา เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องการกระทําต่างกรรมต่างวาระกัน แต่ส่วนใหญ่ก็จําคุกกัน 1-10 ปี
“กรณีของนายทักษิณ ในคําสั่งของศาลฎีกาฯระบุว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทําและมีส่วนได้ประโยชน์จากการกระทํา ก็อาจทําให้นายทักษิณโดนร่วมฟ้องด้วยในฐานเป็นตัวการหรือผู้ร่วมสนับสนุน โดยหากเป็นตัวการ ก็รับผิดเท่าตัวผู้กระทํา แต่หากเป็นผู้สนับสนุนก็รับโทษน้อยกว่า เป็นเรื่องนายทักษิณต้องผจญกับเวรกรรม กับเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคน ที่ก็อยู่ในเรื่องเดียวกันกับที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีชื่อถูกคณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนอยู่(รวม 12 คน) โดยเจ้าหน้าที่รัฐคนใด มีความผิดเรื่องอะไร ป.ป.ช.ก็ดําเนินคดี แล้วนายทักษิณก็ต้องถูกดําเนินคดีด้วยในฐานะตัวการหรือผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ตามความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ 12 คน โดยต้องมีคนไปร้องเพิ่มต่อป.ป.ช.ให้เอาผิดนายทักษิณ ที่ทางคปท.คงไปร้องเพิ่มต่อป.ป.ช.ในเร็วๆนี้ให้เอาผิดนายทักษิณเพิ่มด้วยจากที่เคยตั้งอนุกรรมการไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐไว้เดิม 12 คน “นายคมสันระบุ
นายคมสันกล่าวว่า การดําเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ มีการทําแบบต่างกรรมต่างวาระ เรื่องเอกสารก็วาระหนึ่ง การส่งตัวนายทักษิณไป รพ.ตํารวจก็อีกหนึ่งวาระ โดยในช่วงที่นายทักษิณอยู่ รพ.ตํารวจ อย่างน้อยเอกสารต่างๆที่เป็นเอกสารที่เป็นเท็จเพื่อให้มีการช่วยเหลือ มันมากกว่าหนึ่งครั้ง ก็อาจจะเป็นความผิดลักษณะหนึ่งกรรมแต่ต่างวาระกันที่อาจแตกออกไปหลายการกระทําในความผิดฐานเดียวกัน คืออาจทําผิดประมวลกฎหมายอาญา-พรบ.ราชทัณฑ์ 4-5 ข้อหา แต่มีการกระทําอาจเป็นสิบครั้งก็ได้ ก็อาจเป็นสิบกระทงก็ได้ จากคําสั่งของศาลฎีกาฯ จะมีผลกระทบต่อคดีของนายทักษิณในอนาคตอีกเยอะ ซึ่งคดีอื่นๆ หากตามมา อาจทําให้นายทักษิณใช้สิทธิ์การได้รับการลดโทษอีกไม่ได้ โดยได้พิจารณาดูแล้ว ต่ําๆ อาจจะโดนอีก 6-8 ปีอันนี้ขั้นต่ํา แต่ถ้ารวมทุกการกระทําอาจจะถึง 40 ปี
นายคมสันกล่าวอีกว่า ส่วนการที่นายทักษิณ ยื่นถวายฏีกาฯ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ และได้รับพระราชทานลดโทษเมื่อ 31 สิงหาคม 2566 ที่นายทักษิณยื่นถวายฏีกาฯ มีข้อความตอนหนึ่งว่า นายทักษิณได้รับโทษไปแล้วสิบวัน (คุมขัง) แต่เมื่อคําสั่งของศาลฎีกาฯชี้แล้วว่า นายทักษิณไม่เคยได้รับโทษเลย จึงสั่งให้กลับไปติดใหม่หนึ่งปี ในคําสั่งศาลฎีกาฯไม่ได้ระบุว่าให้หักลบ 10 วันดังกล่าวออกไปด้วย โดยให้จําคุกเต็มหนึ่งปี ก็แสดงว่านายทักษิณไม่เคยติดคุกเลย ดังนั้นที่เคยยื่นถวายฎีกาฯ เพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษ ก็เป็นฎีกาเท็จที่อาจจะผิดมาตรา 112 ได้ ก็ต้องมีคนไปดําเนินการ ที่รัฐบาลอาจทูลเกล้าฯ ได้ว่ามีการถวายฎีกาอันเป็นเท็จ ก็อยู่ที่พระราชวินิจฉัยว่าจะเพิกถอนหรือไม่ จะทรงเพิกถอนเหมือนที่เคยทรงเพิกถอนเรื่องการตั้งสมณศักดิ์ฯ ที่เคยทรงทํามาแล้วหรือไม่
ข่าว
10 ก.ย. 2568 12:56 64 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 12:43 64 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 12:25 54 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 12:09 54 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 11:28 125 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 11:24 81 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 11:12 102 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 10:23 123 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 10:21 96 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 10:13 127 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 09:53 104 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 09:53 88 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 09:49 239 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 09:46 72 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 09:45 152 views
ข่าว
10 ก.ย. 2568 09:38 144 views