วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม 2568
13 ส.ค. 2568 12:41 | 107 view
@pracha
'เท้ง' ซัดงบ 69 วาระ2-3 รัฐบาลคิดตื้น ไม่รอบคอบ ชี้ 1 ใน 3 หมดไปกับสร้างตึก-ตัดถนน-ขุดคลอง ไม่กระจายลง อปท. ด้าน 'ศิริกัญญา' เชื่อรัฐบาลมีแผนสํารองรับมือภาษีทรัมป์ เหตุไม่ของบสํารอง
13 ส.ค.2568 - นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2569 วาระ 2 และ 3 ภายหลังจากการที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ว่า สิ่งที่รัฐบาลเตรียมมาเป็นสิ่งที่รัฐบาลคิดไม่รอบและไม่ลึก เพราะขาดความรอบคอบ การที่กรรมาธิการปรับลดงบประมาณ 8.9 พันล้านบาท แต่รัฐบาลกับแปรญัตติให้มีงบประมาณในรายจ่ายประจํา เช่น เงินเดือนข้าราชการประกันสุขภาพซึ่งงบส่วนนี้เป็นรายจ่ายประจําที่ต้องตั้งงบประมาณให้เต็มสัดส่วนอยู่แล้วตั้งแต่วาระ 1 แต่กลายเป็นว่าตั้งขาด พอมีการปรับลดงบประมาณก็แปรญัตติส่วนนี้กลับเข้ามา
"ส่วนที่บอกว่าคิดไม่ลึกเพราะคิดตื้น ๆ ในส่วนงบลงทุน 8.9 พันล้านบาทที่กรรมาธิการได้ตัดรถ 1 ใน 3 เป็นงบลงทุนในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กลายเป็นว่างบลงทุนส่วนใหญ่ของประเทศ จะถูกนําไปใช้ในการลงทุนเพื่อสร้างอนาคตให้กับประเทศ กลับเอาไปใช้สร้างตึกตัดถนน ขุดคลองซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ทําให้เห็นว่าตอนที่รัฐบาลเสนองบประมาณเข้ามา เป็นการคิดจัดสรรงบประมาณที่ไม่รอบคอบยังคิดไม่ลึกเพียงพอ" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ขอชื่นชมรัฐบาลตอนที่แปรญัตติกลับเข้ามา ไม่ได้นํางบประมาณไปกองไว้ที่งบกลางทั้งหมด แต่งบกลางก็มีความจําเป็นไปใช้ในกรณีที่เร่งด่วน มีการแปรญัตติกกลับเข้าไปในกองทุนประกันสังคม หรือเติมในรถไฟสายสีส้มซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่ได้เห็นต่าง
เมื่อถามว่า มีการตัดงบในหลายกระทรวงสําคัญเพื่อนําไปเพื่อนําไปจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายจังหวัดนั้น เหมือนมีนัยยะสําคัญที่ใกล้กับการเลือกตั้งหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ขัดข้องอะไร ที่จะแปรญัตติเติมเข้าไปในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น ภารกิจถ่ายโอนมีการประหยัดเอาไปให้ อบจ. ต่าง ๆ ดังนั้นถ้าเป็นการแปรญัตติตรงไปตรงมาตามภารกิจของท้องถิ่นก็ไม่ติดใจอะไร แต่ถ้ามีในเรื่องของการประสานงานเบื้องหลังอยู่ใกล้เลือกตั้งหรือไม่เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้อยากเห็น และไม่อยากให้กระบวนการพิจารณางบประมาณได้ประโยชน์ต่างตอบแทน เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองแบบนั้น
สําหรับเรื่องการซื้ออาวุธต่าง ๆ ของกองทัพนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรายืนยันว่าอยากให้กองทัพทันสมัยทําหน้าที่ในการปกป้องประเทศไม่ใช่ปกครองประเทศ และในเรื่องของยุทโธปกรณ์ก็พิจารณาไปเป็นรายกรณี อะไรที่มีความจําเป็นต่อสถานการณ์ปัจจุบันก็สามารถที่จะพิจารณาได้ อะไรที่มีความจําเป็นก็พิจารณาผ่านได้ อะไรที่ไม่มีความจําเป็นในการป้องกันประเทศก็ต้องยืนยันว่าไม่มีความจําเป็น
เมื่อถามว่า การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการพบร่องรอยการทุจริตบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีสิ่งที่น่าสงสัยเต็มไปหมด ถ้าสังเกตการณ์พิจารณางบประมาณที่ผ่านมา อย่างการขอให้ถ่ายทอดสด ซึ่งทําได้ทันทีไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่กลายเป็นว่ากรรมาธิการเสียงข้างมาก ไม่ได้ยอมให้มีการถ่ายทอดสดจนทําให้สมาชิกบางส่วน ต้องไปถ่ายทอดสดในช่องทางของตัวเอง รวมถึงการประชุมในชั้นอนุกรรมาธิการที่ข้อมูลหลายส่วน ภาคประชาชนหรือแม้แต่สส.ที่ไม่ได้เข้าไปนั่งในอนุฯ ก็ไม่ได้เห็นข้อมูลอย่างรอบด้าน
"ดังนั้นสิ่งที่จะเป็นเกราะกําบังที่ดีที่สุดให้กับรัฐบาล เพื่อทลายข้อครหาต่าง ๆ ที่วันนี้รัฐบาลขาดความไว้วางใจจากประชาชน คือทําอย่างไรให้ การพิจารณางบประมาณมีความโปร่งใสมากที่สุด ซึ่งกระบวนการปัจจุบันขาดความโปร่งใสอยู่ค่อนข้างมาก" นายณัฐพงษ์กล่าว
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการจัดสรรคนที่จะอภิปรายงบประมาณในวาระ 2 ว่า ได้เตรียมผู้อภิปรายไว้เยอะ รวมเวลาอภิปรายทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง คิดว่าช่วงเวลา 3 วัน ก็จะใช้เวลาอย่างเต็มที่ และหลังจากงบฯผ่านสภาไปแล้วฝ่ายค้านก็จะทําหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างเต็มที่ต่อไป
เมื่อถามว่า กังวลเรื่องสภาล่มหรือไม่ นายณัฐพงษ์ เชื่อว่าทางรัฐบาลต้องเตรียม ส.ส. ฝั่งตัวเองให้มาครบองค์ประชุม ไม่ควรหวังพึ่งองค์ประชุมจากฝ่ายค้าน เพราะถ้างบประมาณไม่สามารถผ่านสภาได้ ก็ไม่เห็นช่องทางว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศได้อย่างไร
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการแปรงบประมาณไปช่วยเหลือผลกระทบจากภาษีสหรัฐ จะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในวันนี้หรือไม่ ว่า มีกรรมาธิการ (กมธ.) หลายคนเสนอให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชี้แจงว่าหลังจากที่ได้ข้อสรุปภาษีสหรัฐแล้วจะมีการปรับตัวหรือมีการเตรียมงบประมาณอย่างไร เพราะอยากทราบว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ เพื่อที่จะเร่งรัดในการปรับลดงบประมาณมาณเพิ่มเติมในส่วนนั้น แต่สุดท้ายนายพิชัย ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณปี 69 ไม่ได้เดินทางมาชี้แจงในห้องพิจารณาอาจจะเดินทางมายังสภาผู้แทนราษฎรแต่ไม่ได้เดินทางมาห้องประชุมงบประมาณ หลังจากที่เข้ามาประชุมสองครั้งแรกเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่ได้มีการตัดลดงบประมาณ โดยสามารถปรับได้แค่ 9,000 ล้านบาท และไม่ได้นําไปใส่ในส่วนที่ควรจะนําไปบรรจุไว้เพื่อรับมือสงครามการค้า
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จึงเดาได้เพียงอย่างเดียวว่ารัฐบาลมีแผนสํารองไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะค่อนข้างจะตีบตันไปในทุกหนทาง สําหรับนโยบายการคลัง พื้นที่การคลังก็ไม่เหลือแล้ว ซึ่งอาจจะมีแผนอื่นสํารองเอาไว้ โดยต้องรอติดตามว่ารัฐบาลจะรับมือกับสงครามการค้าที่จะหนักหน่วงมากขึ้นในปี 2569 อย่างไร เพราะปี 2568 เหลืออีกเพียงแค่ 2 เดือนก็จะหมดปีงบประมาณแล้ว และทางออกตอนเดียวที่เห็นตอนนี้ คือการออก พ.ร.บ.เงินกู้ รวมถึงขยายเพดานหนี้สาธารณะให้เพิ่มจากที่ตั้งไว้ร้อยละ 70 ไม่เช่นนั้นจะไม่มีงบประมาณใด ๆ รองรับไว้เลย
ข่าว
13 ส.ค. 2568 16:45 80 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 16:06 147 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 15:53 113 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 15:45 89 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 15:31 177 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 15:17 109 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 14:58 143 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 14:56 93 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 14:41 85 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 14:26 94 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 14:05 112 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 13:44 91 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 13:42 229 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 13:33 102 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 13:22 179 views
ข่าว
13 ส.ค. 2568 12:41 108 views