กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงดําเนินการทางการทูตครบทุกช่องทาง ร้องเรียนกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา หลังทหารไทย 11 นายเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่

วันที่ 11 สิงหาคม 2568 - กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงชี้แจงการดําเนินการของไทยต่อกรณีทหารไทยรวม 11 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม, 23 กรกฎาคม และ 9 สิงหาคม 2568 เหตุเกิดในบริเวณช่องบกและช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี รวมถึงช่องโดนเอาว์–กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ที่กัมพูชาครอบครอง ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ “อนุสัญญาออตตาวา”

ไทยได้ใช้กลไกการทูตหลายช่องทาง ทั้งการส่งหนังสือร้องเรียนถึงประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ครั้งที่ 22 จํานวน 3 ฉบับ ครอบคลุมเหตุการณ์ทั้งสามครั้ง ขอให้เวียนแจ้งรัฐภาคีอื่น ๆ รับทราบการละเมิดของกัมพูชา พร้อมย้ําว่าการกระทําดังกล่าวกระทบต่ออธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ณ นครนิวยอร์ก ได้ทําหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อขอความชัดเจนจากกัมพูชาตามกระบวนการข้อ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาฯ และให้ชี้แจงต่อไทยผ่านเลขาธิการฯ ขณะเดียวกัน ไทยยังได้เข้าพบผู้แทนระดับสูงของรัฐภาคีและองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อกดดันให้ดําเนินการตามขั้นตอนของคณะกรรมการการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ (Committee on Cooperative Compliance)

ทั้งนี้ อนุสัญญาออตตาวา ห้ามรัฐภาคีใช้ สะสม ผลิต หรือเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และต้องทําลายให้หมดสิ้น ไทยเข้าเป็นภาคีเมื่อปี 2542 และทําลายทุ่นระเบิดทั้งหมดแล้ว ขณะที่กัมพูชาเข้าเป็นภาคีในปี 2543 แต่ยังครอบครองทุ่นระเบิดเพื่อใช้ในการวิจัยและอบรม รวมถึงชนิด PMN-2 ที่พบในเหตุการณ์ล่าสุด