สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ผลวิจัยล่าสุดเผยว่า ทหารรัสเซียติดเชื้อเอชไอวี (HIV) เพิ่มขึ้น 2,000% นับตั้งแต่เริ่มสงครามกับยูเครน

สื่อยูเครน ได้เปิดเผยรายงานที่เผยแพร่โดยโครงการรัสเซีย-ยูเรเซีย ของมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ซึ่งอิงข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมแห่งชาติ โดยจากรายงานระบุว่า อัตราการติดเชื้อเอชไอวีในหมู่ทหารรัสเซียเพิ่มขึ้นถึง 2,000% นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน

ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2565 เมื่อสงครามยูเครน-รัสเซียปะทุขึ้น จนถึงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ของปีเดียวกัน ได้รับการยืนยันจํานวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับก่อนช่วงเกิดสงคราม และยังพบการติดเชื้อมากขึ้นถึง 13 เท่า ในช่วงปลายปีดังกล่าว รวมทั้งในต้นปี 2567 พบการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้นถึง 20 %

ส่วนปัจจัยที่ทําให้จํานวนการติดเชื้อในกองทัพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดมาจาก การถ่ายเลือด การใช้เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อนในโรงพยาบาลสนาม การมีเพศสัมพันธ์ และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน

ขณะเดียวกัน รายงานดังกล่าว คาดการณ์ว่าอัตราการติดเชื้อเอชไอวีที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลเสียกับรัสเซียครั้งใหญ่ในอนาคต และมองว่า ปัญหาการระบาดของเชื้อเอชไอวี จะส่งผลกระทบนับหลายทศวรรษ และท้ายที่สุด อาจรุนแรงกว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงคราม

ทั้งนี้ เอชไอวี เป็นเชื้อโรคที่ทําให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อเอชไอวี จะเป็นผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยเอดส์คือ ภาวะที่เซลล์ภูมิคุ้มกันถูกทําลายจากการติดเชื้อเอชไอวี ส่งผลให้การทํางานของระบบภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงทําให้เกิดการติดเชื้ออื่นๆตามมา

ภาพ---- เอพี