‘สรรพากร’ เตรียมหารือ ‘คลัง’ ก่อนสรุปชงเว้นภาษีผู้มีเงินได้ต่างประเทศ หวังดึงเงินลงทุน 2 ล้านล้านบาทกลับไทย จ่อยกเว้น 2 ปี เชื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศกระเตื้องขึ้นได้

4 ส.ค. 2568 – นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหารือในรายละเอียดกับกระทรวงการคลังอีกครั้ง เกี่ยวกับการพิจารณาปรับแก้กฎกระทรวงว่าด้วยการเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำกลับเข้ามาในประเทศไทย โดยในหลักการก่อนหน้านี้กรมฯ ได้เสนอให้มีการยกเว้นว่าไม่ต้องนำเงินได้จากต่างประเทศดังกล่าวมาคำนวณรวมภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นเวลา 2 ปี ส่วนที่เกินจากระยะเวลาที่กำหนดจะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนการเสียภาษี

สำหรับมุมมองของกรมสรรพากร เห็นว่า ปัจจุบันมีเงินอยู่นอกประเทศพอสมควร กว่า 2 ล้านล้านบาท จากการลงทุนในหลายประเภท ซึ่งมีผลตอบแทนสูง และมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเพื่อจูงใจในการดึงเงินก้อนนั้นกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นได้ แม้ว่าจะต้องสูญเสียรายได้จากภาษีไปบ้าง แต่หากประเทศชาติไปได้ก็เห็นว่าควรจะต้องดำเนินการ ตรงนี้เป็นไปตามนโยบายในแง่ของภาษี ซึ่งที่ผ่านมา กรมฯ ได้มีการออกมาตรการเพื่อดึงเงินลงทุนดังกล่าวแล้ว อาทิ มาตรการผ่านตลาดทริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา และอีกมาตรการคือการปรับแก้กฎกระทรวงที่กำลังดำเนินการในอยู่ตอนนี้

“อยู่ระหว่างเตรียมหารือต่อกับคลังอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้คลังได้ขอให้กรมฯ ไปปรับปรุงรายละเอียดนิดหน่อย ซึ่งในหลักการเห็นตรงกันแล้วว่าต้องมีการออกกฎหมายนี้ เพียงแต่ในเชิงรายละเอียดอาจจะยังเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง ก็ต้องมาคุยกันว่าคลังมองอย่างไร แต่ยืนยันว่ากฎหมายจะแล้วเสร็จภายในปีนี้แน่นอน เพื่อจะได้เริ่มใช้ทันตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการ ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย เพราะในเชิงเทคนิคหากไม่มีกฎหมายตัวนี้เขาก็ไม่เอาเงินเข้ามาเลย ประเทศชาติก็ไม่ได้อะไรทั้งนั้น ตรงนี้กรมฯ ทำตามทฤษฎี โดยการนำภาษีมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ” อธิบดีกรมสรรพากร ระบุ

อย่างไรก็ดี เรื่องระยะเวลายกเว้น 2 ปี กรมฯ มองว่าเป็น magic number เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการปรับเกณฑ์เรื่องนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งกำหนดให้เงินได้จากต่างประเทศที่เกิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป หากนำเข้าไทยเมื่อไหร่ต้องเสียภาษีทันที เพื่อความเป็นธรรม เนื่องจากก่อนหน้านี้หากนำเงินเข้ามาในปีถัดไปจะไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งในทางปฏิบัติไม่มีใครนำเข้ามา ดังนั้นจึงต้องมาปรับแนวทางเพื่อสร้างแรงจูงใจ โดยมีกำหนดระยะเวลาในการยกเว้น ซึ่งการดำเนินการลักษณะนี้ไม่เสียทั้งหลักการภาษี และยังตอบโจทย์เรื่องเศรษฐกิจมหภาคอีกด้วย