ทรัมป์สั่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำประจำการ หลังอดีตปธน.รัสเซียขู่ใช้นิวเคลียร์ 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ระบุบนบัญชีทรูซ โชเซียลว่า จากคำพูดยั่งยุที่รุนแรงของ อดีตประธานาธิบดีดิมิทรี เมดเวเดฟของรัสเซีย ได้สั่งประจำการเรือดำน้ำนิวเคลียร์  2 ลำในพื้นที่ที่เหมาะสม หากวาจาที่โง่เขลาและรุนแรงเหล่านั้นไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น และเสริมว่า คำพูดเป็นสิ่งสำคัญและอาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด ตนหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่กลายเป็นกรณีศึกษา

หลังก่อนหน้านี้ เมดเวเดฟพูดถึงทรัมป์ว่า จำไว้ว่ารัฐบาลรัสเซียยังคงมีความสามารถในการโจมตีทางนิวเคลียร์อย่างในยุคสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นการตอบโต้การที่ทรัมป์กล่าวว่า ขอให้เขาระวังคำพูด จากการที่เมดเวเดฟบอกว่า เกมแห่งเส้นตายที่สหรัฐใช้เพื่อกดดันรัสเซียในสงครามยูเครนอาจจะทำให้สหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในสงคราม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลในการสั่งย้ายเรือดำน้ำ ทรัมป์ตอบว่า อดีตประธานาธิบดีรัสเซียทำให้ภัยคุกคามเกิดขึ้น ทางรัฐบาลจะต้องปกป้องประชาชน ทั้งนี้ ทรัมป์ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าหมายถึงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ประเภทใด เนื่องจากว่าไม่ใช่เรือดำน้ำทางทหารของสหรัฐทุกลำจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์และสามารถติดขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแสดงความกังวลในการที่ประธานาธิบดีสหรัฐเอ่ยถึงการใช้นิวเคลียร์ทางทหารและกล่าวว่า ที่ผ่านมา สหรัฐมักหลีกเลี่ยงการตอบโต้การข่มขู่ของรัสเซียด้วยการใช้นิวเคลียร์ เพราะตระหนักถึงความเสี่ยงของอาวุธที่มีศักยภาพทำลายล้างสูงที่สุดในโลก

ด้าน แดริล คิมบอลล์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมควบคุมอาวุธ กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีความรับผิดชอบและไม่เป็นที่แนะนำ ผู้นำและผู้ที่มีอิทธิพลรองลงมาของประเทศไม่ควรจะขู่ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ตลอดจนพฤติกรรมราวกับเป็นเด็กในโชเซียลมีเดียด้วย

ขณะที่ ฮันส์ คริสเตนเซนจากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน กล่าวว่า เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมนิวเคลียร์ ที่รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดและขีปนาวุธภาคพื้นเดิน ประจำการพร้อมอยู่ตลอดเพื่อยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไปที่รัสเซียอยู่แล้ว  ด้าน อีเวลิน ฟาร์กัส ผู้อำนวยการบริหารสถาบันเม็กเคนและอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า การกระทำของทรัมป์จะไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน

สหรัฐถือครองเรือดำน้ำนิวเคลียร์โอไฮโอคลาสจำนวน 14 ลำ ซึ่งสามารถติดขีปนาวุธ Trident II D5 ได้ 24 ลูก และติดหัวรบเทอร์โมนิวเคลียร์ได้หลายหัว รวมถึงยิงได้ไกลถึง 7,400 กิโลเมตร ซึ่งปกติจะมีเรือดำน้ำโอไฮโอคลาสระหว่าง 8 ถึง 10 ลำที่ประจำการอยู่ในแต่ละช่วงเวลา