วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568
2 ส.ค. 2568 12:36 | 116 view
@pracha
ดัชนีหุ้นโลกของ MSCI ร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ และค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงหลังจาก ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็กำลังพิจารณาการประกาศภาษีศุลกากรล่าสุดและการเปลี่ยนแปลงบุคลากรสำคัญๆ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เช่นกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า มีการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 73,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 110,000 ตำแหน่ง การเติบโตของการจ้างงานในเดือนมิถุนายนถูกปรับลดลงอย่างมากเหลือ 14,000 ตำแหน่ง จาก 147,000 ตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวกระตุ้นความกังวลต่อเศรษฐกิจ และทำให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ขณะเดียวที่นักลงทุนยังจับตาการประกาศขึ้นภาษีของ ทรัมป์ และการเปลี่ยนแปลงบุคลากรสำคัญในรัฐบาล
หลังจากรายงานตัวเลขการจ้างงานล่าสุดถูกเผยแพร่ออกมา ทรัมป์ได้สั่งปลดเอริกา แอล. แมคเอนทาร์เฟอร์ กรรมาธิการสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งโดยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
หลังจากนั้น ดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็อ่อนค่าลงอีก เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าเอเดรียนา คูเกลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ จะลาออกจากตำแหน่งก่อนกำหนดในวันที่ 8 สิงหาคม ทำให้เกิดความวิตกกังวลแก่นักลงทุนบางส่วน ในช่วงเวลาที่ทรัมป์แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ตามข้อมูลของเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group นักลงทุนคาดการณ์เมื่อวันศุกร์ว่า โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนอยู่ที่ 87.5% เทียบกับตัวเลขกาคาดการณ์ก่อนหน้านี้ 37.7% ในวันพฤหัสบดี
ลุค ทิลลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Wilmington Trust กล่าวว่า ตลาดกำลังตอบสนองต่อความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกำลังส่งผลบวกต่อรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอและคำแนะนำที่อ่อนแอจากบางบริษัท
ขณะเดียวกันมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่งออกจากคู่ค้าหลายสิบประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงในวันที่ 1 สิงหาคม ขณะที่หลายประเทศรวมถึงบริษัทต่างๆ พากันเร่งหาทางเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงการค้าที่ดีกว่าเดิม
หนึ่งในประเทศที่ตกตะลึงกับอัตราภาษีของทรัมป์คือสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเจอกับอัตราภาษีสูงถึง 39% เรียกร้องให้มีการเปิดเจรจากับสหรัฐ เช่นเดียวกับอินเดียที่โดนเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ขณะที่ทรัมป์กำลังเดินหน้าแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจโลกด้วยอัตราภาษีนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1930
ภาษีศุลกากรใหม่ยังรวมถึงภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการจากแคนาดา 35% บราซิล 50% และไต้หวัน 20% ซึ่งไต้หวันกล่าวว่าอัตราภาษีดังกล่าวเป็นเพียงอัตราชั่วคราว และคาดว่าจะสามารถเจรจาให้ต่ำลงกว่านี้ได้
ตามการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์จาก Capital Economics คำสั่งลงวันที่ 31 กรกฎาคมของทรัมป์ ระบุอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น 10% – 41% โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในหนึ่งสัปดาห์สำหรับคู่ค้า 69 ราย หรือในวันที่ 7 สิงหาคม ทำให้อัตราภาษีเฉลี่ยของการนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 18% จากที่เพียง 2.3% เมื่อปีที่แล้ว
ดัชนี MSCI ทั่วโลก ลดลง 12.23 จุด หรือ 1.32% สู่ระดับ 917.39 ซึ่งเป็นการลดลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอลลงของสหรัฐยิ่งฉุดทำให้ดัชนีทั่วโลก ซึ่งติดลบอยู่แล้วหลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรหลายรายการเมื่อวันก่อนร่วงลงไปอีก
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักหลังการประกาศอัตราภาษี โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 542.40 จุด หรือ 1.23% สู่ระดับ 43,588.58 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 101.38 จุด หรือ 1.60% สู่ระดับ 6,238.01 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 472.32 จุด หรือ 2.24% สู่ระดับ 20,650.13 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน เช่นเดียวกับดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดตลาดลดลง 1.89% ซึ่งเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนตัวลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เนื่องจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ราคาน้ำมันลดลงประมาณ 2.8% หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน และจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 1% ไปแล้วในวันพฤหัสบดี
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐ ปิดลดลง 2.79% หรือ 1.93 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 67.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือปิดที่ 69.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 2.83% หรือ 2.03 ดอลลาร์สหรัฐ
ด้านราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย หลังเจอกับข่าวที่ถือเป็นปัจจัยลบหลายประเด็น โดยราคาทองคำเพิ่มขึ้น 2.14% มาปิดที่ 3,360.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ภาพ----เอพี
ข่าว
2 ส.ค. 2568 16:40 99 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 15:56 61 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 14:58 76 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 14:40 72 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 14:21 72 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 13:29 115 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 13:25 87 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 13:21 104 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 13:20 111 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 12:36 117 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 12:29 100 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 12:21 83 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 12:15 89 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 11:57 144 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 11:50 126 views
ข่าว
2 ส.ค. 2568 11:15 112 views