วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568
31 ก.ค. 2568 15:26 | 202 view
@yaovarest
ทรัมป์จัดหนัก ขึ้นภาษีถล่ม บราซิล 50% อ้างถูกโจมตี-ล่าแม่มดพันธมิตร ขู่ลงดาบอินเดียเพิ่มเหตุซื้อพลังงานรัสเซีย ขณะที่เกาหลีใต้ยอมจ่าย 15% แลกดีลลงทุนในสหรัฐฯ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค.
สถานการณ์การค้าโลกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ได้ทยอยลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากหลายประเทศคู่ค้าสำคัญ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือ บราซิล อินเดีย และเกาหลีใต้ ซึ่งต่างถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราใหม่ที่สูงขึ้น พร้อมเหตุผลประกอบที่แตกต่างกันไป
บราซิลโดนจัดหนัก 50% อ้างปกป้องพันธมิตร
บราซิลเป็นประเทศที่เผชิญกับมาตรการภาษีที่รุนแรงที่สุด โดยถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 50% การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามที่ทรัมป์ได้เคยขู่ไว้ในจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีบราซิล โดยให้เหตุผลว่าบราซิลมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายโจมตีบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังอ้างถึงประเด็นทางการเมืองภายในของบราซิล โดยระบุว่ามีการ "ล่าแม่มด" ต่ออดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของเขา
อินเดียเจอ 25% พ่วงคำขู่ซื้อของรัสเซีย
สำหรับอินเดีย ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25% โดยอ้างว่าอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าสหรัฐฯ สูงที่สุดในโลก แต่ที่น่าจับตามองคือคำขู่ที่จะมีบทลงโทษเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อมโยงกับการที่อินเดียตัดสินใจซื้อน้ำมันและอาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย ซึ่งเป็นประเด็นที่สหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจมาโดยตลอด โดยมาตรการภาษีต่ออินเดียจะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันรุ่งขึ้น
เกาหลีใต้ปิดดีล 15% แลกเม็ดเงินลงทุนมหาศาล
ในส่วนของเกาหลีใต้ ทรัมป์ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าฉบับสมบูรณ์แล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเกาหลีใต้ในอัตรา 15% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่ใช้กับญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) แม้ว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้เกาหลีใต้รอดพ้นจากอัตราภาษีตอบโต้ 25% ที่เคยถูกชะลอไว้และกำลังจะถึงเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ แต่อัตรา 15% ก็ยังสูงกว่าอัตราภาษีพื้นฐาน 10% ที่เคยถูกเรียกเก็บมาตั้งแต่เดือนเมษายน
สิ่งที่น่าสนใจในข้อตกลงนี้คือ การที่เกาหลีใต้ยินยอมที่จะเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ เป็นมูลค่ามหาศาลถึง 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในความร่วมมือด้านการต่อเรือ (รวมถึงเรือรบ) 150,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 200,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ (ชิป), แบตเตอรี่, เทคโนโลยีชีวภาพ และพลังงานสะอาด โดยทรัมป์ระบุว่า โครงการลงทุนเหล่านี้จะต้องเป็นโครงการที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าของและควบคุม และเขาจะเป็นผู้คัดเลือกโครงการด้วยตนเองในฐานะประธานาธิบดี
การเคลื่อนไหวของทรัมป์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญในการเจรจาต่อรองทางการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมและความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข่าว
1 ส.ค. 2568 12:38 41 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 12:01 65 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 11:11 80 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 10:54 89 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 10:47 31 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 10:41 79 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 10:05 63 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:46 116 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:35 111 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:25 80 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:22 54 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:16 62 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:06 92 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 09:04 69 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 08:53 76 views
ข่าว
1 ส.ค. 2568 08:06 128 views