‘กมธ.งบ69’ชงเข้าวาระ 2-3 วันที่ 13-15 ส.ค.นี้ หลังเปิดให้อนุกมธ.รายงานชุดใหญ่ จบ 1 ส.ค.นี้

15 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00 น.ที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 แถลงผลการประชุมประจำสัปดาห์ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณางบประมาณของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ซึ่งกมธ.ฯบางคนได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับบทบาทของหน่วยงาน ในการเป็นกลไกหลักของประเทศ ด้านการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชน ซึ่งเห็นว่าหน่วยงานควรเร่งรัดจะทำระบบแจ้งเตือนภัยผ่านเซลล์บอร์ดแคช ให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนดโดยเร็ว เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูง ในการแจ้งเตือนภัยพิบัติฉุกเฉินแก่ประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการสื่อสารอย่าง รวดเร็วและครอบคลุมทุกพื้นที่เฉพาะเจาะจง

นายชนินทร์ กล่าวว่า ทางตัวแทนของปภ.ชี้แจงว่าภารกิจหลัก คือการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยบูรณาการทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคีเครือข่ายสำคัญ เช่นกรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรธรณี ในการเฝ้าระวัง ติดตาม และวิเคราะห์ สถานการณ์ภัยพิบัติ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะนำข้อมูลมาประเมินความเสี่ยง และกำหนดระดับความแรงของภัยพิบัติ โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อตัดสินใจออกประกาศแจ้งเตือนแก่ประชาชน ให้ทันท่วงทีและเหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากนี้หน่วยงานยังพัฒนาศักยภาพระบบการแจ้งเตือนภัย ด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติหลากหลาย เช่น สึนามิ , น้ำท่วม, ดินโคลนถล่ม, วาตภัย ,อัคคีภัย ,ภัยแล้ง ,แผ่นดินไหว และ อาคารถล่ม แจ้งเพื่อให้สามารถคาดการณ์และแจ้งเตือนได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งเป็น หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการออกประกาศและแจ้งเตือนร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งข้อความเตือนภัยในสถานการณ์ฉุกเฉินคาดว่าระบบเซลล์บอร์ดแคชจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้

นายชนินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำงานของอนุกรรมาธิการฯทั้ง 8 คณะ จะจบการทำงานภายในสัปดาห์หน้า แต่อนุกรรมาธิการข้อสังเกตจะเข้ารายงานต่อกมธ.ฯชุดใหญ่ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ส่วนอีก 7 คณะอนุฯ จะเข้ารายงานในวันที่ 29 ก.ค.นี้ โดยการรายงานทั้งหมดและแล้วเสร็จในวันที่ 1 ส.ค. และนำส่งรายงานงบประมาณปี 69 เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 13-15 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่ได้วางไว้ และเมื่อสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาจบในวันเวลาดังกล่าว ก็จะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป ดังนั้นขอให้มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย