วันที่ 13 กรกฎาคม 2568
13 ก.ค. 2568 10:37 | 139 view
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หมายเหตุ – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์มติชน ถึงทิศทางการเมือง ความพร้อม และเป้าหมายของพรรค พปชร.ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไป
⦁จากชีวิตรับราชการทหาร มาสู่นักการเมืองในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ต้องปรับตัวอย่างไร
ความรู้สึกจากชีวิตทหาร มาเล่นการเมืองเต็มตัวนั้น ตอนเป็นทหารก็ดูแลเฉพาะหน่วยทหาร พอเป็นนักการเมืองก็ต้องดูแลและฟังเสียงพี่น้องประชาชนว่าต้องการอะไร ดูว่าเราจะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่ ก็ต้องคอยสอบถาม เพราะความใกล้ชิดกับประชาชนนั้นสำคัญ การเมืองเราต้องทำเพื่อประชาชนอย่างเดียว ส่วนการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมาแล้ว 5 ปี ก็ผ่านร้อนผ่านหนาว ทุกอย่างก็มีความไม่แน่นอน ด้วยสถานการณ์การเมือง เราก็ไม่สามารถดูแลนักการเมืองแบบทหารได้ เพราะเขาก็มีความคิดของเขา เราก็ไม่สามารถดูแลเขาได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งการดูแลนักการเมืองกับการดูแลทหารต่างกัน ทหารเขาเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา และมีวินัยอยู่แล้ว แต่นักการเมืองเขาก็เป็นคนที่ต้องทำเพื่อประชาชนเหมือนกัน ต้องไปถามประชาชนในท้องถิ่นของเขาว่าต้องการอะไร เพื่อจะได้ตอบสนองได้ บางทีอาจจะไม่ได้ตรงกับเรา ยอมรับว่าดูแลนักการเมืองลำบากกว่าดูแลทหาร แต่หากตัวเองไม่อยู่แล้ว พรรคพลังประชารัฐจะไปต่ออย่างไร ก็ไม่ต้องห่วง เวลานี้เราเปิดให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเยอะแยะ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนเริ่มต้นพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาก็จริง แต่ไม่ใช่พรรคของผม เพราะเป็นของทุกคนในพรรค ไม่มีผมก็อยู่กันได้สบาย พรรค พปชร.ก็เติบโตได้
อย่างไรก็ตามการที่เราประกาศตัวเองว่าเป็นอนุรักษนิยมทันสมัย จริงๆ แล้วคำว่าอนุรักษ์ไม่ใช่เรื่องเก่าเรื่องแก่อะไร เราก็สามารถพัฒนาให้ทันสมัยทันโลกได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง อนุรักษ์ไม่ได้หมายความว่ารักษาความเก่าแก่ แต่เราสามารถพัฒนาให้ทันเหตุการณ์ต่างๆ ได้
⦁ในฐานะที่เคยเป็นทหาร ใช้หลักคิดอย่างไรในการทำงานการเมือง
ก็ใช้หลักความจริงใจ ที่มีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ผมเป็นคนพูดจริงและทำจริง พอมาทำงานในบทบาทนักการเมือง ผมก็จริงใจกับทุกคน ผมถือว่าความจริงใจเป็นเรื่องหลักในการทำงาน เราต้องจริงใจกับคนอื่น เขาถึงจะจริงใจกลับมาหาเรา ส่วนอะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้ยืนหยัดทำงานกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อประเทศ ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลือทำงานให้กับประชาชน อยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศชาติเจริญ ซึ่งปัจจุบันก็เจริญแล้ว ไม่ใช่ไม่เจริญ แต่อยากให้เจริญมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นต้องดูแลประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนสิ่งที่อยากขับเคลื่อนในการแก้ปัญหา ก็อยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น ไม่ใช่อดอยากอยู่แบบนี้ และถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศเกษตรกรรมอยู่ แต่ผลผลิตที่ออกมาก็ยังไม่เต็มที่ ส่วนปัญหายาเสพติดก็มีมากมาย เราก็พยายามแก้มานานแล้ว ตอนที่อยู่ในรัฐบาลก็พยายามแก้เรื่องนี้ แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราก็ผลิตออกมา คงมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ขายยาเสพติดกันอย่างโจ๋งครึ่ม ทำให้ประชาชนติดยาเสพติดกันมาก และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งนี้ สมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นอกจากงานภายในกองทัพแล้ว ผมก็ดูแลเรื่องน้ำทั่วประเทศ ดูแลทุกหน่วย โดยหลักการบริหาร ผมให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นผู้ดำเนินการ เพราะเขาจะรู้เรื่องดี ต้องกระจายน้ำไปทุกแห่ง น้ำทุกแห่งต้องไหลเท่าเทียมกัน ซึ่งแต่ละพื้นที่มีระดับความสูงตํ่าที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งตลอดเวลา 8 ปีที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี น้ำไม่มีท่วม ไม่มีแล้ง และหลังจากที่ผมออกจากตำแหน่ง น้ำก็สูงขึ้นจากเดิม 1.5 เมตร
⦁มองสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อย่างไร
ผมมองว่าตอนนี้การเมืองไม่มีความแน่นอน มันอ่อนไหวมาก ผมก็บอกแล้วว่า น.ส.แพทองธารควรจะลาออกไป เพราะต้องรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวที่ออกมา ผมมองว่า น.ส.แพทองธารไม่รู้จักหน้าที่ ถ้ารู้หน้าที่คงไม่พูดอย่างนั้น น.ส.แพทองธารไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลกองทัพ ทหาร และข้าราชการประจําทั้งหมด รัฐบาลเป็นคนให้เงินเดือน แต่ไปบอกว่าเป็นคนละพวก สรุปคือไม่รู้หน้าที่ ส่วนเรื่องภาวะผู้นำไม่ต้องพูดถึง ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกิดขึ้น ก็เป็นการแลกเปลี่ยนตอบแทนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ส่วนคิดว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ทหารจะเข้ามามีบทบาทหรือไม่ ยังไม่มี เพราะเดี๋ยวนี้ทหารคิดเป็น ยืนยันว่าไม่มีการรัฐประหารแล้ว ดูทหารรุ่นใหม่เขามีความคิดที่ดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
⦁ในฐานะที่เป็นทหารเก่ามองสถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชาขณะนี้อย่างไร
ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลก็จบ ซึ่งในสมัยที่ผมทำงานในพื้นที่ชายแดน กัมพูชาแตกออกเป็นสี่ฝ่ายที่รบกันเอง ทั้งฝ่ายของจอมพล ลอน นอล และฝ่ายเขมรแดง เราก็เป็นคนตั้งประเทศให้เขา และดูแลมาตลอด เคยมีการขอข้ามฟากมาให้เราดูแล แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ต้องไปถามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าเขาคุยอะไรกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับสมเด็จฯฮุน เซน นั้น รู้จักกันธรรมดา แต่ไม่รู้จักนิสัยจริงๆ ผมมีความสนิทกับ พล.อ.เตีย บันห์ อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา มากกว่า ส่วนอยากบอกอะไรถึงทหารที่ทำงานอยู่ในชายแดนวันนี้ อยากบอกอย่างเดียวคือ เราต้องดูแลประเทศไว้ให้ดีที่สุด ทุกตารางนิ้วเสียไม่ได้ เราเสียไปแล้ว 15 ครั้ง เพราะฉะนั้นเราจะเสียอีกไม่ได้ จะต้องอดทนอดกลั้น ส่วนมองว่ามีความจำเป็นต้องทําสงครามหรือไม่ ถ้ารบก็รบ สมัยตอนที่เกิดข้อพิพาทชายแดนเขาพระวิหาร กัมพูชายิงมาผมก็ยิงกลับไป ผมยิงกลับไปมากกว่า ทั้งนี้ตอนที่เกิดการปะทะกันที่ช่องบกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ผมก็ได้โทรศัพท์ไปหา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่ง พล.ท.บุญสินก็ระบุว่า ไม่เป็นไร ทหารของเราพร้อม
⦁มองการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ในภาวะเสียงปริ่มน้ำ ในสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร
พรรคพลังประชารัฐถึงแม้จะมี 19 เสียง แต่ไปอยู่ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นก็มั่นคง ถ้าไปอยู่ฝ่ายรัฐบาลก็มั่นคง แต่ผมไม่ไป ขออยู่ฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีคนเชิญให้ผมไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่ามีคนมาชวน มีคนมาทาบทามจริง แต่ถ้ารัฐบาลมาจีบวันนี้ก็ไม่ไป พูดคำไหนคำนั้น ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายค้านจะทำงานเต็มที่หรือไม่ ไม่ต้องกลัว พรรคพลังประชารัฐเต็มที่ พรรคอื่นผมขอไม่พูดถึง แต่คิดว่าพรรคภูมิใจไทยก็เต็มที่กับผม แต่หากในอนาคตพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เราก็ร่วมแน่นอน คุยกันแล้ว
⦁ความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งต่อไปวางเป้าหมายไว้อย่างไร
เราก็พร้อม และวางเป้าหมายไว้ในหลายพื้นที่ ต้องมีความใกล้ชิดประชาชน และเราเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรักชาติ เข้ามาดูแลพรรคและพิสูจน์ตัวเอง มาช่วยกันดูแลประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้า ส่วนเป้าหมายที่วางไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราก็มีคณะกรรมการที่คัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. เป้าหมายที่ตั้งไว้ในใจคือประมาณ 60 ที่นั่ง ส่วนเขตที่มั่นใจว่าปักธงได้ ก็มีเช่น จังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร พังงา แต่จะแน่นอนหรือไม่ก็แล้วแต่ประชาชน พรรคเราไม่ได้ทำงานด้วยกระแส แต่ทำงานด้วยการทำงานที่อยากให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ ส่วนปัจจัยอะไรที่จะใช้ชักชวนให้คนรุ่นใหม่มาเลือกพรรค พปชร.นั้น ก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเรามีความจริงใจต่อเขา ทําให้เห็นว่าเราดูแลผลประโยชน์ของประชาชน โดยยึดหลักการทำงานจริง ไม่ใช่ทำเล่นๆ
สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอยากฝากอะไรถึงประชาชน ผมอยากให้ประชาชนดูว่า อย่าไปเลือกเอากระแสอย่างเดียว ให้ดูการทำงาน และดูคนด้วยว่ามีหลักการอย่างไร ต้องดูหลายๆ อย่าง ไม่ใช่ดูจากกระแส อยากให้ดูว่าใครจะทำอะไรให้ได้บ้าง ไม่ว่าจะคนรุ่นเก่าหรือคนรุ่นใหม่ก็เหมือนกัน คนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน ก็ต้องอาศัยคนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์ช่วยประคับประคอง คนรุ่นใหม่รู้จักเทคโนโลยีก็เอามาใช้ คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่อยู่ร่วมกันได้ ส่วนได้คิดไว้หรือไม่ว่าจะเล่นการเมืองจนถึงเมื่อไหร่ การเลือกตั้งอีกรอบเดียวก็เลิก ผมอายุเยอะแล้ว มั่นใจว่าวางรากฐานของพรรคไว้ดีแล้ว -------- ขอบคุณที่มา - นสพ.มติชน
ข่าว
13 ก.ค. 2568 15:37 59 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 15:33 67 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 15:27 56 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 15:23 58 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 15:20 49 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 11:01 149 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 10:47 114 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 10:44 109 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 10:37 140 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 10:10 123 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 10:07 147 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 10:02 136 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 09:58 142 views
ข่าว
13 ก.ค. 2568 09:54 171 views
ข่าว
12 ก.ค. 2568 20:27 268 views
ข่าว
12 ก.ค. 2568 17:36 185 views