วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
11 ก.ค. 2568 14:51 | 161 view
ส.อ.ท.หวั่นภาษีสหรัฐฯ 36% ฉุดส่งออกติดลบ 2% ลุ้นเจรจารอบใหม่ปรับลดเหลือต่ำกว่า 15% หนุนส่งออกโต 3-4%
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศไทยยังคงถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ (Reciprocal Tariff) ที่อัตรา 36% อาจสร้างความเสียหายต่อภาคการส่งออกของไทยประมาณ 8-9 แสนล้านบาท และมีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกทั้งปีจะกลับมาหดตัวได้ถึง -2% ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจหลายเรื่องที่ถาโถมเข้ามาในเวลานี้ อาจทำให้ GDP ไทยขยายตัวเหลือเพียง 0.5-1%
นอกจากนี้ระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของ FDI ที่อาจชะลอตัวลงเพื่อปรับซัพพลายเชน หรือมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าไทย ทำให้ไทยสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันได้
นายเกรีนงไกร กล่าวว่า ทั้งนี้หากประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯเหลือ 20-25% ในมุมมองของภาคเอกชนยังมองว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง บางสินค้านั้นพอที่จะสามารถแข่งขันได้หากมีส่วนต่างภาษีกับประเทศคู่แข่งไม่มากนัก แต่สินค้าบางประเภทก็ไม่สามารถแข่งขันได้เลยหากอัตราภาษีเราสูงกว่าประเทศคู่แข่งเพียง 1% หรือ 2% โดยเฉพาะกับเวียดนามที่มีโครงสร้างสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับไทย
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำกำไร หรือมาร์จิ้น (Margim) ได้น้อยก็จะไม่คุ้มค่าที่จะส่งออกไปในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากต้นทุนการส่งออกที่สูงขึ้นกรณีนี้อาจทำให้การส่งออกทั้งปีนี้ไม่ขยายตัวเลย และส่งผลทำให้ GDP ไทยขยายตัวเหลือเพียง 1-1.5%
ทั้งนี้หากประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เหลือ 15-20% จะทำให้ไทยมีความได้เปรียบบางประเทศโดยเฉพาะคู่แข่งในภูมิภาคนี้ ซึ่งช่วยทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวได้ แต่ไทยยังคงได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราภาษีนำเข้ารายสินค้าภายใต้ตามมาตรา 232 (Sectoral tariff) ที่ได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ในกลุ่มสินค้าเหล็ก อลูมิเนียม และชั้นส่วนยานยนต์ ที่อัตรา 25–50% ซึ่งอาจทำให้การส่งออกไทยขยายตัวได้ไม่เกิน 1-2% และส่งผลทำให้ GDP ไทยขยายตัวเหลือเพียง 1.5-2%
นายเกรียงไกร กล่าวว่า หากประเทศไทยถูกสหรัฐฯ ปรับลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เหลือต่ำกว่า 15% หรือใกล้เคียงกับอัตราภาษี Universal Tariff ที่ 10% จะทำให้ไทยมีความได้เปรียบประเทศคู่แข่งมากขึ้นและถือเป็นโอกาสที่จะขยายการค้ากับสหรัฐฯ โดยคาดว่าการส่งออกไทยอาจขยายตัวได้ถึง 3-4% และมีความเป็นไปได้สูงมากที่GDP ไทยจะขยายตัวได้มากกว่า 2% นอกจากนี้จะมีส่วนสำคัญช่วยให้ FDI เข้ามาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตมากขึ้นด้วย
ข่าว
11 ก.ค. 2568 19:37 143 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 19:34 121 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 19:31 115 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 19:28 155 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 15:22 164 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 14:51 162 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 14:29 153 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 14:15 144 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 14:06 158 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:50 152 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:45 165 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:40 145 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:39 150 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:37 150 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:36 173 views
ข่าว
11 ก.ค. 2568 13:29 158 views