ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และ รองผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 สหรัฐฯ ร่วมเป็นประธานเปิดการฝึก ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ มุ่งเสริมสร้างขีดความสามารถและความร่วมมือในการปฏิบัติการทางเรือร่วมกัน เพื่อรับมือภัยคุกคามในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ ร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เปิดฉากการฝึกผสม "ความร่วมมือระหว่างเรือในขณะลอยลำในทะเลพร้อมรบ" หรือ CARAT (Cooperation Afloat Readiness and Training) 2025 อย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีกำหนดการฝึกรวม 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 - 18 กรกฎาคม 2568 ครอบคลุมพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และทะเลอ่าวไทยตอนบน

ในพิธีเปิดการฝึก ได้รับเกียรติจาก พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานฝ่ายไทย และ พลเรือตรีหญิง เคธี่ เอฟ เชลดอล (Rear Admiral Kathy F. Sheldahl) รองผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 กองทัพเรือสหรัฐฯ เป็นประธานร่วมฝ่ายสหรัฐฯ ท่ามกลางกำลังพลของทั้งสองประเทศที่เข้าร่วมการฝึกอย่างพร้อมเพรียง

การฝึก CARAT นับเป็นการฝึกที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดระหว่างกองทัพเรือสหรัฐฯ กับกองทัพเรือในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้เข้าร่วมมาตั้งแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2538 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก พร้อมทั้งยกระดับขีดความสามารถและเพิ่มพูนประสบการณ์ในการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่างๆ ร่วมกัน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับการฝึกในปีนี้ กองเรือยุทธการได้มอบหมายให้กองเรือฟริเกตที่ 2 เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ร่วมกับกองเรือพิฆาตที่ 7 ของสหรัฐฯ โดยแบ่งห้วงการฝึกออกเป็น 3 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่

• ขั้นการฝึกในท่า/ในสนาม (Shore Phase): การฝึกอบรมแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะบนบก
• ขั้นการฝึกในทะเล (Sea Phase): การปฏิบัติการทางเรือร่วมกันในสถานการณ์จำลอง
• ขั้นสรุปผลการฝึก (After Action Review): การประเมินผลและถอดบทเรียนร่วมกัน โดยจะมีพิธีปิดการฝึกในวันที่ 16 กรกฎาคม 2568

การฝึกผสม CARAT 2025 ครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการตอกย้ำความสัมพันธ์ฉันมิตรและพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างกองทัพเรือไทยและสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางทะเลให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป