คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เคาะราคากลาง “เหี้ย” (Varanus salvator) สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ อยู่ที่ 500 บาทต่อตัว เดินหน้าผลักดันเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ สร้างรายได้อย่างถูกกฎหมายและยั่งยืน

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบายว่า แม้จะมีการเปลี่ยนสถานะให้ “เหี้ย” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยงหรือเพาะพันธุ์เองได้อย่างเสรี

เหี้ยยังคงเป็น “สัตว์ป่าคุ้มครอง” ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 การจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยงหรือค้าขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงเป็นสิ่งผิดกฎหมายและมีโทษตามกฎหมาย เฉพาะผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น  โดยผู้ประกอบการจะต้องมีคุณสมบัติ ดังได้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง , มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินในการเพาะเลี้ยงต้องไม่มีประวัติความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 

สำหรับพ่อแม่พันธุ์ห้ามจับจากธรรมชาติ ต้องซื้อมาจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น โดยมีเงื่อนไขการเพาะพันธุ์เข้มงวด  ทุกตัวต้องฝังไมโครชิพ
เพื่อป้องกันการลักลอบนำเหี้ยจากธรรมชาติมาแอบอ้างเป็นสัตว์เพาะพันธุ์ กรมฯ กำหนดให้เหี้ยทุกตัวที่ได้จากการเพาะพันธุ์ต้องมีการทำเครื่องหมายด้วยการฝังไมโครชิพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

สำหรับเป้าหมายผลักดัน “เหี้ย” เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจที่ถูกกฎหมายและยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศ

อธิบดีกรมอุทยานฯ ย้ำ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เปิดเสรีให้ใครก็ได้จับเหี้ยมาเลี้ยง แต่เป็นการจัดระบบให้การเพาะพันธุ์เกิดขึ้นในกรอบกฎหมาย มั่นใจได้ว่าเป็นมิตรต่อธรรมชาติ ลดแรงกดดันต่อประชากรเหี้ยป่า พร้อมสร้างรายได้ใหม่อย่างถูกต้อง

ผู้ที่สนใจประกอบอาชีพเพาะพันธุ์เหี้ยอย่างถูกกฎหมาย หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในเวลาราชการ