เวียดนามเป็นชาติแรกในอาเซียน บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าเหลือ 20% แลกเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ ปลอดภาษี

วันที่ 3 ก.ค.68 - “เวียดนาม” กลายเป็นชาติแรกในอาเซียนที่บรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหรัฐอเมริกา ภายใต้เงื่อนไข “แลกเปลี่ยนผลประโยชน์” ที่สื่อมวลชนทั่วโลกจับตา โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 20% สำหรับสินค้าจากเวียดนาม แทนที่จะเป็นอัตราสูงถึง 46% ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แลกกับสิทธิพิเศษให้สินค้าสหรัฐฯ สามารถส่งออกเข้าเวียดนามได้ “โดยไม่เสียภาษีศุลกากร”  โดยข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลัง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจรจาโดยตรงกับ “โต เลิม” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และประกาศผ่าน Truth Social ว่าเป็น “ความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่” ระหว่างสองประเทศ ทรัมป์ย้ำว่าเป็นการเจรจาต่อรองที่ยุติธรรม ลดกำแพงการค้าที่สหรัฐฯ มองว่าเอาเปรียบมาโดยตลอด

เงื่อนไขสำคัญของดีลคือ สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าจากเวียดนามที่เข้าสหรัฐฯ แต่สินค้าที่ถูก “ส่งผ่าน” ประเทศที่สามจะต้องเจอภาษี 40% เพื่อปิดทางการหลบเลี่ยงภาษีของสินค้าจีนที่เคยถูกกล่าวหาว่า “แปลงโฉม” เป็นสินค้าเวียดนาม ก่อนส่งเข้าตลาดสหรัฐฯ

การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนปรนมาตรการภาษี ที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ทั่วโลกมากกว่า 180 ประเทศและดินแดนเมื่อเดือนเมษายน ก่อนจะลดเหลืออัตราพื้นฐาน 10% ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศเจรจาหาทางออก  สำหรับเวียดนาม การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการรักษาความได้เปรียบทางการค้าในตลาดสหรัฐฯ แม้จะต้องแลกด้วยการเปิดตลาดให้สินค้าอเมริกันเข้าแบบเสรีก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นตัวอย่างของ “ดีลการค้าแบบเจ็บแต่จบ” เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบใหญ่จากกำแพงภาษีมหาศาล