การปกครองในสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (Elizabeth I) หรือราว ๆ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถือว่าเป็นยุค Golden Age ของอังกฤษเลยก็ว่าได้ เนื่องจากในขณะนั้นมีทั้งการฟื้นฟูศิลปวิทยาภายในประเทศ อีกทั้งอังกฤษยังขึ้นมามีบทบาทและอำนาจในการเดินเรือแทนเจ้าอาณานิคมที่ยิ่งใหญ่อย่างสเปนอีกด้วย นับว่าเป็นพระปรีชาสามารถของพระนางในการบริหารและปกครองบ้านเมืองให้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ แม้ผู้ปกครองอย่างพระนางจะเป็นสตรีและไม่เคยสมรสกับชายใดเลยตลอดการปกครองกว่า 45 ปี

ที่มา: https://www.englishmonarchs.co.uk/tudor_9.htm

          อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่จดจำในยุคของเอลิซาเบธที่ 1 ก็คือเทรนด์การแต่งหน้าที่มีสีขาวซีดราวกับกระดาษ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งใน iconic ที่ผู้คนยังจดจำมาจนถึงปัจจุบัน โดยในสมัยนั้นมีความเชื่อว่าผิวขาวซีดเป็นสัญลักษณ์ของผู้คนชนชั้นสูง ผิวที่ขาวดังกระดาษและกระเบื้องเคลือบแสดงถึงความงามและความสมบูรณ์แบบทางโลก หญิงสาวชั้นสูงในสมัยนั้นจึงได้นำสารตะกั่วหรือ ceruse มาพอกตามใบหน้าและลำตัวที่โผล่พ้นออกจากร่มผ้า

          เอลิซาเบธที่ 1 จะพอกตัวของพระนางด้วยตะกั่วสีขาวผสมเข้ากับน้ำส้มสายชูเพื่อพอกหน้าและร่างกายจนขาวโพลน เนื่องมาจากพระองค์เคยติดโรคฝีดาษและเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าจึงเป็นเหตุให้ต้องนำตะกั่วมาพอกเพื่อกลบร่องรอยจุดด่างพร้อยดังกล่าว ตะกั่วจะติดอยู่บนใบหน้าอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นจะมีการล้างใบหน้าที่พอกด้วยตะกั่วออกด้วยส่วนผสมที่ประกอบด้วยเปลือกไข่ สารส้ม และปรอท แล้วนำตะกั่วมาพอกใหม่อีกครั้งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อีกทั้งลิปสติกสีแดงของเธอยังมีส่วนผสมของปรอทซึ่งเกิดจากการนำแร่ซินนาบาร์มาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ

          ทั้งตะกั่วและปรอทจะสะสมเกิดเป็นพิษเข้าสู่ร่างกาย ตะกั่วจะกัดกร่อนใบหน้าของผู้พอกให้มีความบางลงอย่างช้า ๆ ส่งผลให้ต้องเพิ่มความหนาของเครื่องสำอางเพิ่มมากขึ้นเพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริง ในส่วนของปรอทจะส่งผลให้ผู้ที่พอกสูญเสียความทรงจำ หงุดหงิดง่ายและมีอาการซึมเศร้า ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นอาการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเอลิซาเบธที่ 1

          ในช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพเอลิซาเบธที่ 1 ทรงปฏิเสธที่จะนอนหลับอย่างปกติ เนื่องจากพระนางเชื่อว่าหากทรงนอนลงจะไม่มีวันลุกขึ้นได้ ดังนั้นนางจึงทรงยืนเป็นเวลา 15 ชั่วโมงติดต่อกัน โดยให้นางสนองพระโอษฐ์ปูหมอนไว้โดยรอบเพื่อที่พระนางจะได้ไม่ต้องเอนตัวนอน แต่เวลาต่อมาพระนางก็ทรงสวรรคตและถือเป็นการสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ