DSI เผยพบเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 70 ราย เอี่ยวฮั้วประมูล สัญญาโครงการก่อสร้างตึก สตง. มีชื่อตั้งแต่อดีตผู้บริหาร สตง.จนถึงผู้บริหารชุดปัจจุบัน รอส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ไต่สวนความผิด

วานนี้ 4 มิถุนายน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษที่ 58/2568 โดยตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้วประมูล) เนื่องจากเกี่ยวพันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวน ว่ากรณีดังกล่าวคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาเกี่ยวกับการสรุปสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 และส่งสำนวนไปยังอัยการคดีพิเศษ ในรายละเอียดคดีพิเศษที่ 32/2568 เป็นการดำเนินการในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กรณีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย ทำให้เราพบความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2 ส่วน คือ 1.คดีฮั้วประมูล (คดีพิเศษที่ 58/2568) และ 2.คดีนอมินีภาคสอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างออกเลขรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งสำนวน โดยจะมีบริษัท 16 ราย เกี่ยวข้อง แต่จะต้องคัดกรอง เบื้องต้นอาจจะมีประมาณ 4 บริษัท

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีฮั้วประมูล (คดีพิเศษที่ 58/2568) ดีเอสไอ สรุปว่ามีกรณีที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ 2.คณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง รวม 10 คณะ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน และ 3.คณะกรรมการการออกแบบวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 27 ประมาณ 15 ราย รวมทั้งหมดประมาณ 70 ราย โดยจะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า กรณีที่ดีเอสไอ ดำเนินคดีจากที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพบพยานหลักฐานการฮั้วประมูลนั้นมาจากการควบคุมงานที่ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งรายละเอียดของการควบคุมงานจะมีการให้คะแนนทั้งหมด 3 หมวด คือการดำเนินงาน บุคลากร และ เรื่องอื่นๆ รวม 100 คะแนน แต่ในส่วนที่ดีเอสไอ พบการกระทำความผิด คือบุคลากร เพราะมีการปลอมลายมือชื่อแล้วเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาในการคัดเลือก จึงพบความผิดดังกล่าว และได้กล่าวหาดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า PKW รวม 6 ราย อีกทั้งรายละเอียดเชื่อมโยงกัน รวมถึงมีผู้ต้องหาหนึ่งในนี้ มีการกล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการจัดฮั้วประมูล ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จึงทำให้คดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวถามว่า เช่นนี้ผู้บริหารทั้ง 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW มีส่วนรู้เห็นกับการได้มาซึ่งสัญญาการควบคุมงานหรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ ระบุว่า เรากล่าวหาอย่างนั้น ส่วนมีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้ออำนวยหรือไม่ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ที่มาจัดฮั้ว ล็อคสเป็คบริษัทนั้น ต้องเรียนว่ามีการกล่าวหาเช่นนั้น ต่อข้อถามว่าบุคคลที่ร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าว ถือว่าเป็นพยานปากสำคัญใกล้ชิด สตง.หรือไม่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งคู่ให้การว่ารู้เห็นในรายละเอียดที่เกิดขึ้น จึงยืนยันตามหนังสือที่ส่งให้ดีเอสไอ ในส่วนผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ตามกฎหมายเราเรียกว่า มีการกล่าวหาหรือกล่าวโทษเรื่องการกระทำความผิด ซึ่งเป็นข้าราชการในองค์กรอิสระ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงข้าราชการ 3 กลุ่ม ที่ถูกกล่าวหาในเรื่องการฮั้วประมูล ว่ากลุ่มที่ 1 มีการกล่าวหาผู้บริหารว่ามีการล็อคสเปค เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นเรื่องของการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องของการเป็นกรรมการชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงาน การตรวจการจ้าง หรือการดำเนินการวิธีการต่างๆ ซึ่งส่วนนี้มี 10 คณะ ตามที่ตนได้เรียนแจ้งไปข้างต้น และกลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560

“สำหรับพฤติการณ์ที่พบนอกจากการควบคุมงาน แล้วพอที่จะเปิดเผยได้ คือการดำเนินการจ้างช่วง เพราะทาง สตง.ได้ยืนยันว่าบริษัท 9PK จำกัด ไม่ได้มีการจ้างช่วง จริง ไม่มีรายชื่ออนุมัติการจ้างช่วง จึงจะเป็นเอกสารประกอบให้ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาไต่สวน” รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าว

เมื่อถามว่าสังคมตั้งคำถามว่าผู้บริหาร สตง.ชุดปัจจุบัน ไม่มีความผิดหรือความเกี่ยวข้องใช่หรือไม่ โดยเฉพาะในสำนวนที่ดีเอสไอ ต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวน ร.ต.อ.สุรวุฒิ ชี้แจงว่า ต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนก่อน เพราะมันเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน เมื่อถามย้ำว่า สำนวนที่ดีเอสไอ ต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีชื่อของ ผู้ว่า สตง.คนปัจจุบันรวมอยู่ใช่หรือไม่ รองอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า ก็อยู่ในสำนวนทั้งหมด มีผู้บริหารตั้งแต่ต้น แล้วก็มีคณะกรรมการต่างๆ ที่มีหลายหน่วยงานรวมอยู่ในนั้น และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ รวมแล้ว 3 กลุ่ม ประมาณ 70 รายชื่อ ที่มีการกล่าวหา แต่อย่างไรก็ต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนก่อน ในส่วนที่ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินคดีเอง ก็คือผู้บริหาร 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าดำเนินการคัดเอกสาร เนื่องจากดีเอสไอ ได้ตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้งแล้วพบว่าในการตรวจค้นครั้งที่ 2 มีเอกสารกว่า 121 ลัง จึงต้องพยายามคัดให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตามคำกล่าวหา และให้อยู่ในประเด็นในสำนวน หากเอกสารส่วนไหนไม่เกี่ยวข้องก็จะคืนกลับไป และเราจะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงเรื่องเอกสารการตรวจค้นจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องส่งผลรายงานมาด้วย

เมื่อถามย้ำว่า กรณีการควบคุมงานทิพย์ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตึก สตง.ถล่มหรือไม่ เพราะตามพฤติการณ์แล้ว นิติบุคคลมีการแอบอ้างว่ามีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมงานก่อสร้าง มีประสบการณ์จะมาควบคุมงาน แต่พอหน้างานก่อสร้าง กลับไม่มีวิศวกรกลุ่มดังกล่าวอยู่ในการควบคุมงานนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตำรวจดำเนินคดีอยู่ แต่เราต้องรอทางคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง เพราะได้ประสานข้อมูลกัน จึงต้องรอผลการตรวจของคณะกรรมการชุดดังกล่าว คาดว่าน่าจะไม่นาน อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของดีเอสไอ และคณะกรรมการที่รองนายกฯ แต่งตั้ง มีการทำงานประสานงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง