อี แจ-มย็องคว้าชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ปิดฉากความวุ่นวายทางการเมืองอันยาวนานหลายเดือนซึ่งเริ่มจากการประกาศกฎอัยการศึกของผู้นำคนก่อน

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการของอี แจ-มย็อง ผู้สมัครฝ่ายกลางซ้ายและอดีตผู้นำฝ่ายค้าน โดยได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายทิ้งขาดคู่แข่ง

หกเดือนหลังจากอดีตประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอลผลักดันประเทศเข้าสู่วิกฤตด้วยการประกาศกฎอัยการศึกอันเลวร้าย ผลสรุปคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการของสามสถานีโทรทัศน์ประกาศให้อี แจ-มย็องเป็นผู้ชนะ จากอัตราการมาลงคะแนนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ 79.4% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1997

เมื่อนับคะแนนเสียงจนใกล้ครบ 100% แล้ว อี แจ-มย็องจากพรรคประชาธิปไตยฝ่ายซ้ายได้คะแนนนำห่างอย่างมาก โดยแทบจะการันตีชัยชนะเหนือผู้ท้าชิงอย่างคิม มุนซูจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมซึ่งออกมายอมรับความพ่ายแพ้

"ผมยอมรับการเลือกของประชาชนด้วยความนอบน้อม ขอแสดงความยินดีกับผู้สมัครที่ได้รับเลือก คุณอี แจ-มย็อง" คิม มุนซูกล่าว

ขณะที่อี แจ-มย็องขอบคุณผู้ลงคะแนนที่ไว้วางใจเขา และประกาศว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำตามความรับผิดชอบและภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อไม่ให้ประชาชนผิดหวัง

ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่กล่าวย้ำว่าผู้ที่ไม่สนับสนุนเขายังคงเป็นพลเมืองร่วมชาติเสมอ และให้คำมั่นว่าจะก้าวไปข้างหน้าด้วยความหวังและเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่นี้ต่อไป

เขายังสัญญาว่าจะดำเนินการเจรจา, สื่อสาร และร่วมมือ ในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลโซลและเปียงยางศัตรูตัวฉกาจ ซึ่งสั่นคลอนจนถึงระดับต่ำสุดตลอดรอบหลายปีภายใต้แนวทางที่เข้มงวดของยุน ซ็อก-ยอล

ทั้งนี้อี แจ-มย็องจะเข้ารับตำแหน่งในทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาตินับคะแนนเสร็จและรับรองผล ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันพุธ

เขาจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมาย รวมถึงความผันผวนของการค้าโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออก, อัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลก และการขยายคลังอาวุธอย่างรวดเร็วของเกาหลีเหนือ

เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ผลสำรวจความคิดเห็นสำคัญๆ ชี้ว่าอี แจ-มย็องได้รับความนิยมแซงหน้าคิม มุนซู อดีตรัฐมนตรีแรงงานของรัฐบาลเดิม ซึ่งมีปัญหากับการต่อสู้ภายในพรรคและไม่สามารถโน้มน้าวใจผู้สมัครจากพรรคที่สามให้รวมเป็นหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งสัดส่วนคะแนนเสียงกันเองของฝ่ายขวา

หลังจากความวุ่นวายหลายเดือนภายใต้ผู้นำรักษาการที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขากระตือรือร้นที่จะให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า

ผลพวงจากการประกาศกฎอัยการศึกซึ่งส่งผลให้เกาหลีใต้ไม่มีผู้นำในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่สองอันวุ่นวายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้

การที่ยุน ซ็อก-ยอลถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีอนุรักษนิยมคนที่สองติดต่อกันที่ถูกปลด ต่อจากปาร์ค กึนเฮ ในปี 2017

ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพีว่า "ชัยชนะของอีเป็นสัญญาณว่าประชาชนเกาหลีไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่ไม่เสรีนิยมและไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น กฎอัยการศึก ซึ่งช่วงเวลานี้จะถูกจดจำในฐานะจุดเปลี่ยนที่แปลกประหลาดและมีผลสืบเนื่องในประวัติศาสตร์การเมืองของเกาหลีใต้"

นอกจากนี้ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของอี แจ-มย็องเป็นการสะท้อนถึงความวุ่นวายทางการเมืองอันซับซ้อนที่เกาหลีใต้กำลังเผชิญอยู่ เนื่องจากว่าที่ผู้นำคนใหม่เองยังคงมีประวัติอาชญากรรม และเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองและเรื่องส่วนตัวหลายครั้ง

เพื่อให้การสรุปผลการเลือกตั้งและพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันพุธดำเนินไปอย่างราบรื่น ตำรวจเกาหลีใต้ได้ออกประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดและส่งเจ้าหน้าที่หลายพันนายประจำการตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของว่าที่ผู้นำคนใหม่ซึ่งเคยรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารเมื่อปีที่แล้วจนต้องรณรงค์หาเสียงโดยสวมเสื้อเกราะกันกระสุนและกล่าวปราศรัยภายใต้โล่ป้องกัน.