วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2568
28 พ.ค. 2568 14:41 | 1599 view
@pracha
ผู้ว่าธปท.ส่งหนังสือถึงรัฐบาล แนะแนวทางใช้งบ 1.57 แสนล้าน กระตุ้นศก.รับวิกฤตทรัมป์
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 มีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยโยกงบประมาณที่จะใช้กับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 มาดำเนินโครงการอื่นแทนนั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.โดยด่วน ต่อมา นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เสนอความเห็นมายัง ครม. แล้ว
สาระสำคัญดังนี้ ธปท. เห็นด้วยกับการทบทวนแผนการใช้งบประมาณให้สอดรับกับสภาวการณ์ ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทันท่วงที และไม่ขัดข้องกับหลักการของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการรักษาระดับการจ้างงาน โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการส่งออกที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของประเทศมหาอำนาจ
ทั้งนี้ ธปท. เห็นว่า ควรให้น้ำหนักกับการบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจมากขึ้นด้วย โดยมีข้อสังเกต เพิ่มเติม ดังนี้ 1.ควรจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนต่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่
กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มผู้ผลิตที่จะถูกกระทบจากการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ (import flooding) ที่รุนแรงขึ้น ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่ไทยเผชิญอยู่ โดยตั้งแต่ ปี 2565 – 2567 การนำเข้าสินค้าขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผู้ผลิตในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีข้อจำกัดในการปรับตัว นอกจากนี้ ควรมีโครงการที่ช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการเปิดตลาดใหม่ควบคู่ไปด้วย
2. ควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ import flooding เพราะถ้าไม่ดำเนินการ ในเรื่องนี้ก่อน โครงการหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ อาจไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร โดยแนวทางการรับมือที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ การบังคับใช้กฎหมายและการตรวจสอบที่เข้มงวดใน 3 ด้าน ได้แก่
การตรวจมาตรฐานสินค้า การตรวจสินค้าผ่านด่าน และการป้องกันสวมสิทธิสินค้าเพื่อใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออก
การเร่งรัดกระบวนการไต่สวน ข้อพิพาทกับต่างประเทศ เรื่องการที่สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในไทย
การกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าในไทยต้องจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและมีระบบชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
การกำหนดมาตรการเพิ่มเติมด้านภาษี โดยตั้งภาษีหรือกำหนดโควตาการนำเข้าสินค้า หรือการเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท
ข่าว
7 พ.ย. 2568 16:31 186 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 16:12 123 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 16:08 113 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 16:02 175 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 15:38 116 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 15:29 188 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 15:26 831 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 15:08 237 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 14:36 95 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 14:12 103 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 14:02 154 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 13:55 125 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 13:48 159 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 13:40 178 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 13:27 610 views
ข่าว
7 พ.ย. 2568 13:02 130 views