กรมธุรกิจพลังงานเผยสัญญาณชัดในไตรมาสแรกของปี 2568 ว่าตลาดเชื้อเพลิงเริ่มปรับตัวตามพฤติกรรมผู้ใช้และสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซินที่เริ่มชะลอตัวลงจากการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนกลุ่มดีเซลสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่น้ำมันอากาศยานยังเติบโตต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและบริการ

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า การใช้พลังงานในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568 มีค่าเฉลี่ยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ 158.67 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เติบโตสูงถึง 15.1% จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นถึง 9.55 ล้านคน และการขนส่งทางอากาศที่เติบโตควบคู่

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเบนซินเฉลี่ยลดลง 0.4% โดยเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ 91, E20 และ E85 ที่ลดลงต่อเนื่อง ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ 95 ที่เพิ่มขึ้น จากราคาที่ต่างกันเพียง 0.37 บาท/ลิตร ในไตรมาสนี้ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้มากขึ้น ขณะเดียวกัน มีสัญญาณว่าการใช้รถยนต์ EV เติบโตขึ้น โดยมีสัดส่วนมากถึง 5.97% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ส่งผลต่อการใช้น้ำมันในภาพรวม

ด้านน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 68.43 ล้านลิตร/วัน ลดลง 1.5% ซึ่งสัมพันธ์กับการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรม จากทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างและมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ทำให้ GDP ไทยมีแนวโน้มเติบโตเพียง 2% หรืออาจต่ำกว่านั้น หากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น

สำหรับเชื้อเพลิงอื่น ๆ พบว่า LPG เพิ่มขึ้น 0.3% โดยเฉพาะในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม
ส่วน NGV ลดลงอย่างต่อเนื่อง 15.1% สะท้อนการลดลงของจำนวนรถจดทะเบียนและสถานีให้บริการ  นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.0% ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปนำเข้าลดลงถึง 63.6% ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปลดลง 3.7% สะท้อนสภาวะตลาดโลกที่ผันผวนและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่

บทสรุปของไตรมาสแรก 2568 คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคพลังงานในประเทศอย่างชัดเจน จากการมาถึงของรถ EV และการเดินทางกลับมาคึกคักของนักท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจในภาคการผลิตยังต้องเผชิญแรงต้านจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง