ทรัมป์เสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนเหลือ 80% ก่อนเจรจาการค้าที่ทั่วโลกจับตา   ส่งสัญญาณเว่าเขาอาจปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่เรียกเก็บพุ่งสูงลิ่ว ขณะที่สองมหาอำนาจคู่แข่งเตรียมเจรจาการค้าที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า เริ่มมีความหวังในสงครามการค้าโลก เมื่อสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนเตรียมเจรจาการค้าที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศความสำเร็จในการเจรจาข้อตกลงการค้ากับอังกฤษเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า ส่งสัญญาณเมื่อวันศุกร์ว่าเขาอาจปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่เคยเรียกเก็บสูงลิ่วในระดับ 145%

ทรัมป์เขียนบนแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า "ภาษีนำเข้าจากจีน 80% ดูเหมือนจะเหมาะสม"

และเพื่อเป็นการตอบโต้ภาษีนำเข้าที่สูงลิ่วดังกล่าว จีนจึงเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 125% เช่นกัน

ทรัมป์กล่าวเสริมว่า "ขึ้นอยู่กับสก็อตต์ เบสเซนต์ (รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ) ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีเพียงใดในการหารือกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ในสุดสัปดาห์นี้ที่เจนีวา"

ทั้งนี้ เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการเจรจาดังกล่าวเพื่อพยายามลดความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโลก

"ประธานาธิบดียังคงยืนกรานว่าจะไม่ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนโดยเด็ดขาด หากพวกเขาไม่ยอมผ่อนปรนในทิศทางเดียวกัน" แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าว

"ตัวเลข 80% นั้นเป็นตัวเลขที่ประธานาธิบดีเสนอออกมา และเราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสุดสัปดาห์นี้" เธอกล่าวเสริม

ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งยืนกรานว่าสหรัฐฯ ต้องยกเลิกภาษีก่อน และให้คำมั่นว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของตน

ภาษีนำเข้าที่สูงจนน่าตกใจนั้นเท่ากับเป็นการคว่ำบาตรทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยข้อมูลการขนส่งของภาคเอกชนชี้ให้เห็นแล้วว่าการขนส่งสินค้าจากจีนมายังสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม สก็อตต์ เบสเซนต์กล่าวว่า การประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์จะมุ่งเน้นไปที่ "การลดความตึงเครียด" ไม่ใช่ "ข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่"

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งมีฐานอยู่ในเจนีวา กล่าวต้อนรับการเจรจาครั้งนี้ โดยเรียกว่าเป็นก้าวที่สร้างสรรค์ในเชิงบวกสู่การลดความตึงเครียด

"การเจรจาอย่างต่อเนื่องระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผ่อนคลายความตึงเครียดด้านการค้า, ป้องกันการแตกแยกตามแนวทางภูมิรัฐศาสตร์ และปกป้องการเติบโตของโลก" เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวอาลา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลกกล่าว

สหรัฐฯและสวิตเซอร์แลนด์เองก็มีกำหนดหารือข้อตกลงการค้าเช่นกัน และอาจเป็นประเทศที่สองที่บรรลุข้อตกลงต่อจากอังกฤษซึ่งเป็นประเทศแรกนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรทั่วโลกครั้งใหญ่เมื่อเดือนที่แล้ว

เอกสารความยาว 5 หน้าที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายยืนยันว่าสหรัฐฯ ยินดีที่จะเจรจาผ่อนปรนภาษีเฉพาะภาคส่วนให้อังกฤษ ซึ่งในกรณีนี้คือรถยนต์, เหล็ก และอลูมิเนียม

ขณะที่อังกฤษตกลงที่จะเปิดตลาดรับเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์จากฟาร์มอื่นๆ ของสหรัฐฯ เป็นการตอบแทน

แต่การจัดเก็บภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่ของอังกฤษยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นที่จะคงการจัดเก็บภาษีนี้ไว้สำหรับประเทศอื่นๆ ในการเจรจากับสหรัฐฯ

แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การเจรจากับจีนนั้นอาจพบปัญหาในทางปฏิบัติประการหนึ่งคือ กลยุทธ์การเจรจาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของทั้งสองประเทศ

"แนวทางของทรัมป์โดยทั่วไปจะมาจากบนลงล่าง โดยเขาต้องการพบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง และคิดว่าหากทั้งสองสามารถร่วมมือกันได้ พวกเขาก็จะสามารถทำข้อตกลงใหญ่ๆ ได้ จากนั้นก็ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปจัดการรายละเอียด"

"ขณะที่จีนเป็นตรงกันข้าม พวกเขาต้องการให้ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขและทุกอย่างตกลงกันในระดับล่างก่อนที่จะมีการประชุมระดับผู้นำใดๆ" ผู้เชี่ยวชาญระบุ.