วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2568
24 เม.ย. 2568 14:47 | 2088 view
@pracha
Global Business Policy Council ของคาร์นีย์ (Kearney) บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ได้ประกาศผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประจำปี 2568 (Foreign Direct Investment Confidence Index หรือ ดัชนี FDICI) ซึ่งเป็นผลสำรวจที่สะท้อนมุมมองของนักลงทุนต่อการไหลเวียนของการลงทุน FDI ในช่วงสามปีข้างหน้า ที่รวมถึงมุมมองของนักลงทุนต่อประเทศไทย
24 เม.ย. 2568 – ดัชนี FDICI ประจำปี 2568 ซึ่ง Kearney ได้จัดทำขึ้นเป็นปีที่ 27 นี้ ได้สะท้อนมุมมองของนักลงทุนในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญ แม้ได้มีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบและมีความสำคัญเกิดขึ้นหลังจากที่ทำการสำรวจในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ใจความสำคัญหลักที่พบจากการศึกษาครั้งนี้ยังคงนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการที่นักลงทุนให้ความสำคัญต่อประสิทธิภาพของกระบวนการทางกฎหมายและการบังคับใช้กฎระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของประเทศ และศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดย 8 ตลาดจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ติด 25 อันดับแรกของโลกในปีนี้ ซึ่งเท่ากับจำนวนที่ติดอันดับเมื่อปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย ญี่ปุ่น (อันดับ 4), จีน (รวมฮ่องกง) (อันดับ 6), ออสเตรเลีย (อันดับ 10), เกาหลีใต้ (อันดับ 14), สิงคโปร์ (อันดับ 15), นิวซีแลนด์ (อันดับ 16), ไต้หวัน (อันดับ 23) และอินเดีย (อันดับ 24)
สำหรับผลการสำรวจดัชนี FDICI ของ Kearney พบว่านักลงทุนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของบางตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ความท้าทายจากสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ซับซ้อนได้ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อตลาดอื่น ๆ
ประเทศไทยติดอันดับที่ 10 ในดัชนี FDICI ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
การสำรวจดัชนี FDICI ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2566 เพื่อเน้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน FDI ในช่วงสามปีข้างหน้า โดยประเทศไทยได้อันดับที่ 10 จากกลุ่มตลาดเกิดใหม่ทั้งหมด นักลงทุนจำนวนมากระบุว่าทักษะและความสามารถของแรงงานไทยเป็นเหตุผลหลักที่มีความน่าดึงดูดมากที่สุดสำหรับการลงทุนในประเทศไทย (34%) ตามมาด้วยเหตุผลด้านความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (24%) และทรัพยากรธรรมชาติ (24%) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นเหตุผลรองที่มีความน่าสนใจเท่ากัน
นายชาญชัย ถนัดค้าตระกูล กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Kearney กล่าวว่า “ประเทศไทยได้แสดงบทบาทเชิงรุกในการส่งเสริมการลงทุนและลดอุปสรรคในการดำเนินงานของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในการดึงดูดเงินลงทุน FDI จากหลายตลาด ทำให้ประเทศจำเป็นต้องเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเสริมความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะ และสร้างมาตรการดึงดูดการลงทุนที่ตรงจุดสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย”
นายชาญชัย กล่าวเสริมว่า “มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ได้แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรมรวมถึงยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันก็ล้วนต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านต้นทุนและข้อบังคับต่าง ๆ ที่มีความท้าทายอยู่แล้ว”
“แม้จะเผชิญความท้าทายต่างๆ ประเทศไทยยังคงรักษาจุดแข็งที่สามารถดึงดูดนักลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน ทั้งในด้านบุคลากรที่มีศักยภาพ ความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยนโยบายเชิงรุกและมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสม ประเทศไทยจะสามารถปลดล็อกศักยภาพในการสร้างคุณค่าระยะยาว ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโลกที่ผันผวนได้” นายชาญชัย กล่าวสรุป
ข่าว
8 พ.ย. 2568 16:01 119 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 15:53 119 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 15:42 288 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 15:19 101 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 15:14 157 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 14:58 118 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 13:29 111 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 12:10 343 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 11:51 188 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 11:41 215 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 11:34 365 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 11:28 134 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 11:20 129 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 11:12 245 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 10:46 159 views
ข่าว
8 พ.ย. 2568 10:05 278 views