ตลาดหุ้นในเอเชียฟื้นตัวกลับมาปรับขึ้นอีกครั้งในการซื้อขายเมื่อวันที่ 14 เมษายน หลังจากรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศระงับการเก็บภาษีนำเข้าสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ออกไปก่อน

โดยดัชนีนิคเคอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับเพิ่มขึ้น 1.8% มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 34,189.37 ดัชนีหุ้นคอสปีของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.8% ที่ 2,452.42 จุด ดัชนีหั่งเส็งของตลาดหุ้นฮ่องกงดีดขึ้น 2.4% ที่ 21,419.59 จุด ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับขึ้น 0.9% ที่ 3,266.26 จุด และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี/เอเอสเอ็กซ์ของออสเตรเลียปรับขึ้น 1.5% ที่ 7,758.70 จุด

โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ได้อานิสงค์จากการที่สหรัฐประกาศเลื่อนมาตรการภาษีกลุ่มสินค้าดังกล่าวออกไป เช่น หุ้นของบริษัทโตเกียว อิเลคตรอน เพิ่มขึ้น 2% หุ้นของบริษัทซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ ของเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.4% และหุ้นบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ของไต้หวัน ที่เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์ไอโฟนรายใหญ่ที่สุดให้กับบริษัทแอปเปิลพุ่งขึ้นราว 4% ในการซื้อขายช่วงเช้า

นายแดน อีฟส์ นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เวดบุช เซเคียวริตีส์ กล่าวให้ความเห็นว่า เรามองว่าข่าวมาตรการภาษีศุลกากรในช่วงสุดสัปดาห์ที่น่าเวียนหัวนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทแอปเปิล เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งและเปิดโอกาสให้การเจรจากับจีนสามารถเกิดขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ออกมาเตือนว่าราคาไอโฟนในสหรัฐอาจพุ่งทะยานขึ้น เนื่องจากบริษัทแอปเปิลพึ่งพาสินค้านำเข้าจากจีนเป็นจำนวนมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนสำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานว่า แอปเปิลได้เช่าเครื่องบินขนส่งสินค้าเพื่อขนโทรศัพท์ไอโฟนน้ำหนักรวม 600 ตัน หรือมากถึง 1.5 ล้านเครื่องจากประเทศอินเดียมายังสหรัฐเนื่องจากหวั่นเกรงผลกระทบจากมาตรการภาษีของทรัมป์