13 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้ออกประกาศยกเว้นการเก็บ ภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariff) 125% สำหรับสินค้านำเข้าจำพวกสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ชิป และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งเดิมอยู่ภายใต้มาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดไว้กับสินค้าจากทั่วโลก รวมถึงประเทศจีน

สำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) เผยแพร่ประกาศดังกล่าวเมื่อคืนวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา โดยอธิบายว่าสินค้าเหล่านี้จะไม่ถูกเก็บภาษี 10% ที่บังคับใช้กับประเทศส่วนใหญ่ รวมถึงภาษีนำเข้าต่างตอบแทนในอัตรา 125% สำหรับสินค้าจีนด้วย มีการระบุชัดเจนว่าสินค้าหลายรายการที่ใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะได้รับการยกเว้นภาษี เพื่อป้องกันผลกระทบต่อราคาสินค้าและต้นทุนของผู้ผลิตในสหรัฐฯ โดยสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษี รวมถึงสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์, ชิปอิเล็กทรอนิกส์ (เซมิคอนดักเตอร์) , แผงโซลาร์เซลล์ , การ์ดความจำและอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอื่นๆ

สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแสดงความกังวลว่า ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากชิ้นส่วนจำนวนมากหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ถูกผลิตขึ้นในประเทศจีน และถือเป็นการผ่อนปรนอย่างมีนัยสำคัญครั้งแรกในนโยบายภาษีของทรัมป์ต่อจีน โดยการยกเว้นภาษีดังกล่าวมีผลย้อนหลังถึงวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา

แอปเปิล (Apple) กังวลต่อผลกระทบของมาตรการภาษี ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอุปกรณ์จำนวนมากยังคงผลิตในประเทศจีน โดยเฉพาะ iPhone ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของแอปเปิล มีสัดส่วนการขายในสหรัฐฯ มากกว่าครึ่งของยอดขายทั่วโลกในปี 2567 และกว่า 80% ของ iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ ผลิตจากโรงงานในจีน ขณะที่อีก 20% ผลิตในอินเดีย

มีการประมาณว่าราคา iPhone ในสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นมากถึงสามเท่า หากต้นทุนถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค โดยแอปเปิลและซัมซุง รวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ต่างพยายามกระจายฐานการผลิตออกจากจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมี อินเดียและเวียดนาม เป็นฐานการผลิตใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์ด้านการค้า ระบุว่า นี่เป็นสถานการณ์เปลี่ยนเกม เป็นสถานการณ์ในฝันของนักลงทุนด้านเทคโนโลยี การยกเว้นสมาร์ทโฟนและชิปถือเป็นสถานการณ์ที่พลิกเกมอย่างแท้จริงในเรื่องภาษีสินค้าจีน และมันจะทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Nvidia, Microsoft และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวมโล่งอกในช่วงสุดสัปดาห์นี้