สหรัฐฯ ประท้วงครั้งใหญ่ “Hands Off” ลุกฮือกว่า 1,200 จุด ต้านทรัมป์รอบสอง ปมขึ้นภาษี-แผนรุกแคนาดา-เม็กซิโก คะแนนนิยมร่วงต่ำสุดนับตั้งแต่รับตำแหน่ง

ชาวอเมริกันจำนวนมากรวมตัวประท้วงในชื่อ “Hands Off” หรือ “อย่ายุ่ง” กว่า 1,200 จุดทั่วประเทศ ทั้งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี., นครนิวยอร์ก, ชิคาโก และบอสตัน เพื่อแสดงจุดยืน ต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เขาหวนคืนสู่ตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในสมัยที่สอง เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา

การชุมนุมที่เกิดขึ้นสะท้อนความไม่พอใจของประชาชนต่อ นโยบายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะกรณีที่ทรัมป์ประกาศแผน ยึดครองแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นแนวคิดสุดโต่งและละเมิดหลักประชาธิปไตยระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังมีประเด็นที่ประชาชนไม่พอใจอย่างรุนแรง คือการที่รัฐบาลเริ่มต้น เก็บภาษีพื้นฐานเพิ่มอีก 10% เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีผลกับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าหลัก 60 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าจะกระทบเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้านผลสำรวจล่าสุดจาก Reuters-Ipsos ที่ทำการสอบถามชาวอเมริกันกว่า 1,400 คน ระหว่างวันที่ 31 มีนาคมถึง 2 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า คะแนนนิยมของทรัมป์อยู่ที่เพียง 43% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่รับตำแหน่งในวาระที่สอง โดยเกือบ ครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า กังวลกับผลกระทบของนโยบายขึ้นภาษีต่อค่าครองชีพ และรายได้ของครัวเรือน ขณะที่มีเพียง 37% เท่านั้นที่ยังสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจของผู้นำรายนี้

การประท้วง “Hands Off” ในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เสียงสะท้อนของประชาชนต่อปัญหาปากท้องเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณแรงต้านทางการเมืองที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงในสหรัฐฯ และอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความไม่แน่นอน