เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมียนมาและนานาชาติเร่งให้การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และยังคงพบผู้รอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 1,700 ราย ขณะที่กองทัพเมียนมายังคงปฎิบัติการโจมตีทางอากาศหมู่บ้านต่างๆ แม้ประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์ย่ำแย่จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

สถานการณ์การกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 เมื่อวันศุกร์ที่แล้วยังคงเดินหน้าต่อไป เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมียนมาและนานาชาติเร่งให้การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากใต้ซากอาคารพังถล่ม และยังคงพบผู้รอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้ามืดวานนี้ (31 มี.ค.) ทีมกู้ภัยจีนได้นำตัวเด็กคนหนึ่งออกมาจากใต้ซากอาคารคอนโดมิเนียมในเมืองมัณฑะเลย์ นับเป็นผู้รอดรายชีวิตรายที่สองที่กู้ภัยจีนให้การช่วยเหลือออกมาได้ เด็กคนดังกล่าวรอดชีวิตมาได้หลังจากต้องติดอยู่ใต้ซากอาคารนานกว่า 60 ชั่วโมง หลังจากเมื่อช่วงเที่ยงคืนเศษทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้ 1 คน คาดว่าน่าจะยังมีคนติดอยู่ใต้ซากคอนโดมิเนียมแห่งนี้อีกหลายคน

ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมียนมาสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมาได้อีก 4 คน หลังติดอยู่ใต้ซากอาคารโรงเรียนที่พังถล่มในเขตทางเหนือของภูมิภาคสะกายนานเกือบ 60 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังช่วยหญิงคนหนึ่งที่ติดอยู่ใต้ซากกลุ่มอาคารที่พักอาศัย 4 หลังความสูง 11 ชั้นในเมืองมัณฑะเลย์ ที่พังถล่มนาน 30 ชั่วโมง จนถึงขณะนี้ สามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารแห่งนี้ได้แล้ว 29 คน ใน ส่วนร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่พบแล้ว 9 ศพ ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากเจ้าหน้าที่กาชาดสากลระบุว่า อาจมีผู้คนมากกว่า 90 คนติดอยู่ใต้ซากอาคารดังกล่าว ท่ามกลางการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งเผชิญอุปสรรคการจากอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดตามมาต่อเนื่อง บางจุดยังไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์การกู้ภัยเข้าไปถึง ชาวบ้านต้องช่วยกันค้นหาผู้สูญหายด้วยมือเปล่า

เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์เกิดขึ้นเมื่อเวลาเกือบบ่ายโมงของวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มี.ค.) สร้างความเสียหายอย่างหนักในหลายเมืองของเมียนมา โดยเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเสียหายหนักสุด เข่นเดียวกับที่เมืองพะโค มะเกว รัฐฉาน สะกาย และกรุงเนปิดอว์ สหประชาชาติหรือยูเอ็น เผยด้วยว่า แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในเมียนมาในรอบหลายปี สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรวมทั้งสนามบิน ทางด่วนและสะพาน ทำให้ปฏิบัติการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมดำเนินไปอย่างล่าช้า จนถึงขณะนี้ ผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,700 ราย บาดเจ็บ 3,400 คน และสูญหายกว่า 300 คน ขะที่ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างข้อมูลจากรัฐบาลทหารเมียนมาว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดพุ่งขึ้นไปถึง 2,028 รายแล้ว

ขณะเดียวกัน สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่เป็นปรปักษ์กับรัฐบาลทหารมาอย่างยาวนาน กล่าวในแถลงการณ์ว่า กองกำลังรัฐบาลเมียนมายังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศต่อหมู่บ้านหลายแห่งหลังจากเกิดแผ่นดินไหว แม้ว่าช่วงนี้ประชาชนจะกำลังเผชิญกับความทุกช์ยากจากเหตุแผ่นดินไหว เคเอ็นยู ยังกล่าวด้วยว่า หากเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว กองทัพจะให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ กับความพยายามบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว แต่กองทัพเมียนมากลับมุ่งเน้นใช้กำลังทหารในการโจมตีประชาชน

ด้าน รัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดยิงทันทีเพื่อเปิดทางให้กับเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ ในขณะที่มีชาวเมียนมากว่า 3.5 ล้านคน ต้องไร้ที่อยู่จากการสู้รบ และระบบสาธารณสุขที่ตึงตัวอย่างหนัก